รพ.มหาราชปิดหอผู้ป่วยเพิ่มติดโควิดแล้ว41ราย
รพ.มหาราช เมืองคอน ปิดหอผู้ป่วยเพิ่มอีก 2 ตึกสแกนพบการติดเชื้อในกลุ่มญาติอย่างต่อเนื่อง
บรรยากาศเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านในหอผู้ป่วยอายุรกรรม 2 รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช ที่ถูกปิดหลังจากพบการติดเชื้อโควิด 19 ทั้งในกลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มผู้ป่วยพร้อมทั้งญาติที่มาเฝ้า โดยญาติผู้ป่วยรายหนึ่งได้ส่งต่อมายังผู้สื่อข่าวร้องขอความช่วยเหลือจากผู้บริหารระดับสูงให้เร่งคัดแยกกลุ่มผู้ติดเชื้อและยังไม่ติดเชื้อ เนื่องจากล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ได้มีการตรวจเชื้อแบบ ATK.ในกลุ่มญาติที่มาเฝ้าผู้ป่วยและผู้ป่วยจำนวน 26 คน พบมีการติดเชื้ออีก 6 คน แต่ผู้ที่ไม่พบเชื้อยังต้องอยู่ในบริเวณเดียวกับผู้ติดเชื้ออีก ทำให้เกรงว่าจะติดเชื้อกันอย่างต่อเนื่องจนหมดทั้งหอผู้ป่วย และเมื่อขอกลับบ้านไปกักตัวเองแต่ไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่มีการปิดล๊อคประตูห้ามเข้าออกอย่างเด็ดขาดส่งเพียงอาหาร
ส่วนสถานการณ์ล่าสุดในการปิดหอผู้ป่วยนั้นได้สั่งปิดหอผู้ป่วยจำนวน 5 หอแล้วปล่าสุดยังมีการสั่งปิดหอผู้ป่วยพิเศษอายุรกรรม 5 และหอผู้ป่วยพิเศษ 7 รวมทั้งหมด 7 หอผู้ป่วย ส่วนการพบเชื้อในบุคคลากรทางการแพทย์กลุ่มเสี่ยงที่มีมากกว่า 70 รายในขณะนี้ พบเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย รวมจำนวนที่ติดเชื้อแล้วกว่า 50 รายซึ่งอยู่ในระหว่างการรวบรวมตัวเลข นอกจากนั้นยังพบว่ามีการติดเชื้อในกลุ่มญาติผู้เฝ้าไข้และผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถสรุปจำนวนได้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังต้องนำตัวอย่างเข้ายืนยันด้วยระบบ PCR อีกครั้ง
ขณะที่นายแพทย์จรัสพงษ์ สุขกรี นายแพทย์สาธารณสุถขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เปิดแถลงว่า สืบเนื่องจากที่เจ้าหน้าที่ได้ระดมเข้าทำการตรวจค้นหาเชื้อเชิงรุกอย่างหนักเพื่อควบคุมการระบาดในกลุ่มเสี่ยง สำหรับการติดเชื้อในโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีเจ้าหน้าที่อยู่มากกว่า 3 พันคน มีรายงานการติดเชื้ออย่างเป็นทางการมาจำนวน 41 ราย ซึ่งที่เหลือนั้นอยู่ในระหว่างการยืนยันเข้ามาอีกครั้ง และต้องปิดคลินิกพิเศษนอกเวลา เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีจำนวนลดลง ส่วนมาตรการนั้นได้มีมาตรการควบคุมเข้มข้นอยู่แล้วแต่เกิดการเล็ดลอดได้ เชื่อว่าสามารถควบคุมได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news