โคราชสั่งปิดรง.เฟอร์นิเจอร์กลางเมือง14

โคราชสั่งปิดโรงงานเฟอร์นิเจอร์กลางเมือง ฐานไม่ให้ความร่วมมือสอบสวนโรค หลังพบพนักงานติดเชื้อลามแล้ว 37 ราย

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริษัทสีมาเฟอร์นิช จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ตั้งอยู่เลขที่ 125 บ้านพะไล หมู่ 5 ริมถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา บรรยากาศภายในโรงงานเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ประตูด้านหน้าโรงงานปิดล็อกกุญแจไว้แน่นหนา ไม่มี รปภ. หรือพนักงานอยู่ด้านใน ส่วนบริเวณประตูด้านหน้า ได้มีหนังสือคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ประกาศแจ้งให้ปิดโรงงานเป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.64 ถึงวันที่ 1 ธ.ค.64 ภายหลังจากที่เมื่อวันที่ 12 พ.ย.64 ทางโรงงานได้สุ่มตรวจ ATK พนักงานในโรงงานกันเอง และพบว่ามีผลบวกติดเชื้อ 3 ราย จึงได้ให้กลับไปพักอยู่ที่บ้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ย.64 นายณรงค์ชนนฐ์ ดีปู่ ปลัดอาวุโสรักษาการในตำแหน่งนายอำเภอเมืองนครราชสีมา ได้นำทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานดังกล่าว แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจากประตูปิดและปล่อยสุนัขเดินไปมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ยืนรออยู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูให้เข้า มีเพียงผู้จัดการโรงงาน ที่เพิ่งมาทำงานได้ประมาณ 1 เดือน มาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการสอบสวนโรคได้ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคจึงได้เดินทางกลับ

 

ต่อมานายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา ได้มีหนังสือคำสั่งให้ปิดโรงงานสีมาเฟอร์นิช จำกัด เป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. ถึงวันที่ 1 ธ.ค.64 เนื่องจากโรงงานไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนโรค ซึ่งต่อมาทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา รายงานว่า โรงงานแห่งนี้ มีพนักงานอยู่ทั้งหมด130 คน ทำงานอยู่ภายในห้องทึบ ที่ไม่มีระบบถ่ายเทอากาศที่ดี ล่าสุดผลการตรวจ ATK พนักงานในโรงงานแห่งนี้ พบว่ามีผู้ติดเชื้อแล้ว จำนวน 37 ราย โดยเป็นพนักงานที่อยู่ในพื้นที่ อ.เมือง จำนวน 26 ราย อ.คง 1 ราย อ.โนนสูง 2 ราย อ.เฉลิมพระเกียรติ 6 ราย และ อ.พิมาย 1 ราย ขณะที่พนักงานที่เหลือทั้งหมด 93 ราย ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news