ผู้ประกอบการขนส่งโอด รัฐขึ้นค่าโดยสาร กม.ละ 5 สตางค์มีผลสัปดาห์หน้า แทบไม่ได้ช่วยอะไร หลังภาวะต้นทุนแพงขึ้นทุกอย่างโดยเฉพาะน้ำมัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่รัฐบาล ได้มีมติในการปรับขึ้นราคาค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการรถโดยสารในหมวดที่กำหนด โดยปรับขึ้น กม.ละ 5 สตางค์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบถามผู้ประกอบการรถโดยสารส่วนใหญ่ต่างระบุว่าการปรับขึ้นราคาดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อภาวะต้นทุนที่เกิดขึ้นในขณะนี้แต่อย่างใด
โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่อง นายณรงค์ชัย ตงศิริ ประธานกรรมการ บริษัทสหมิตรภาพ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้ทำการลดเที่ยววิ่งลง โดยเป็นการปรับลดเที่ยวลงตั้งแต่โควิดระบาด และเมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย น้ำมันก็แพงขึ้น
ทำให้ขณะนี้เหลือรถโดยสารที่บริษัทฯออกให้บริการเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วนั้นกฎหมายมีบอกไว้อยู่แล้วว่าค่าน้ำมันเท่าไร ค่าโดยสารเท่าไร ซึ่งบริษัทก็ยินดีที่จะปฏิบัติแต่ก็ไม่มีการพูดความจริงกันเสียทีในเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งหากบริษัทฯอยู่ไม่ได้จริงๆ คงจะเลิกกิจการลงไป โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันดีเซลแตะระดับไปที่ลิตรละ 50 บาท ซึ่งก็ไม่มีใครจะทนได้
” บริษัทเดินรถหมวด3 เส้นทางขอนแก่น-มุกดาหารเป็นหลัก โดยให้บริการมาตั้งแต่ปี 2512 ซึ่งจริงๆ แล้วค่าโดยสารแพง บริษัทฯก็ไม่ต้องการเพราะค่าโดยสารแพงคนก็หันไปใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น แต่สิ่งที่บริษัทฯต้องการคือการช่วยเหลือจากรัฐบาล
โดยขอให้ตีความหมายของคำว่ารถสาธารณะให้ออก คำว่ารถสาธารณะคือรถที่ประชาชนใช้ทั่วไปไม่ควรจะแพงแต่ในทางเดียวกันเราไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลใดๆ ตอนนี้ทำได้แต่ประคองกิจการเลี้ยงลูกน้องเท่านั้น”
นายณรงค์ชัย กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันทางเลือกในการเดินทางเยอะขึ้น ผู้โดยสารใช้บริการน้อยลง ดังนั้นเมื่อต้องการให้รถโดยสารสาธารณะยังอยู่ รัฐบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการลดหย่อนภาษีเฉพาะผู้ประกอบการ ,ภาษีน้ำมัน หรือจะเป็นการซื้อรถบัสโดยสารให้ถูกกว่าคนอื่น
ซึ่งระยะนี้ราคาน้ำมันสูงขึ้นคนหันมาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้นแต่ก็นิดหน่อย แต่ในภาพรวมบริษัทฯต้องยอมเพราะว่าเราก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน ซึ่งหากปล่อยไปในลักษณะเช่นนี้ ไม่มีวิธีอื่น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews