รูดม่านการเมือง เทพไท พร้อมน้องชายต้องคำพิพากษาศาลฎีกาจำคุกทันที 2 ปีคดีอาญาผลพวงทุจริตเลือกตั้ง นายกอบจ.
ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีอาญาผลพวงจากคดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อกว่า 6 ปีก่อน โดยมีนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกอบจ.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาโนช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 2
ซึ่งนายพิชัย โจทก์ได้ยื่นฟ้องคดีนี้โดยตรงต่อศาลด้วยตนเองหลังจากที่ กกต.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช แต่กระบวนการชั้นพนักงาสอบสวนไปจนถึงชั้นอัยการมีความล่าช้า จนกระทั่งในส่วนของคดีอาญานี้ศาลชั้นต้นได้พิพากษา จำคุก 3 ปี แต่ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี ต่อมาจำเลยทั้ง 2 อุทธรณ์ และ ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษายืน จำเลยทั้งสองได้ยื่นฎีกาในข้อเท็จจริงสู้คดี
โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้นัดฟังคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในคดีดำที่ 174/2562 คดีแดงที่ 485/2563 ช่วงเช้าที่ผ่านมานายเทพไท และนายมาโนช จำเลยทั้งสองได้เดินทางมาศาล จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเข้ารายงานตัวกับศาล โดยมีผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งคอยให้กำลังใจอยู่หน้าศาล
ขณะที่นายพิชัย โจทก์ พร้อมด้วยนายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความ และคณะทำงานด้านกฎหมาย ได้เดินทางมายังศาล เพื่อเข้ารับฟังคำพิพากษา โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วเสร็จปรากฎว่า ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ คือลงโทษจำคุก 3 ปี ลดโทษ 1 ในสาม เหลือจำคุก 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี
รายงานว่าก่อนการฟังคำพิพากษาตำรวจศาลได้ใส่เครื่องพันธนาการข้อมือของจำเลยทั้งสองรายก่อนฟังคำพิพากษา และหลัง หลังจากอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้นทั้งคู่มีสีหน้ากังวลและมีอาการเครียด ตำรวจศาลได้เข้าทำการควบคุมตัวตามขั้นตอนทันที ทั้งนี้คดีนี้ได้ถึงที่สุดตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างครบถ้วนแล้ว
ขณะที่ผู้ใกล้ชิดมีสีหน้าเคร่งเครียดบางรายถึงกับร่ำไห้และเข้าไปรับของใช้ส่วนตัวทั้งเครื่องมือสื่อสารและรองเท้า โดยทั้งคู่ได้สวมรองเท้าแตะและเข้าไปยังห้องควบคุมของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อรอส่งตัวไปยังแดนแรกรับ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ขณะที่นายพิชัย โจทก์คดีนี้เปิดเผยว่าในข้อต่อสู้ทางคดีศาลได้พิจารณาว่าพยานโจทก์ได้ให้การที่มีความสอดคล้องต้องกัน พยานให้การตรงกับการวินิจฉัยของ กกต.ในส่วนของคดีเลือกตั้งและคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 8
ในส่วนของคดีอาญาศาลชั้นต้นได้พิจารณาถูกต้องครบถ้วนพยานโจทก์ให้การสอดคล้องต้องกันมีความน่าเชื่อถือมั่นคง จนกระทั่งศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายืนจำคุก จนกระทั่งมาศาลฎีกาในวันนี้ได้กรุณาวินิจฉัยทุกประเด็น ซึ่งต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม
ขณะที่นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความโจทก์ ได้ระบุว่าคดีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมืองรุ่นหลังที่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายที่ตราไว้ บางคนคิดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วสร้างนอมินีไว้แล้วคิดว่าตัวเองจะพ้นผิด สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนในคำพิพากษาไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ การจัดเลี้ยงเมื่อสร้างนอร์มินีขึ้นมาแล้วไปทำแทนแล้วจะพ้นผิดพิสูจน์ชัดว่าไม่ใช่ ควรเลิกปฏิบัติในกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews