แรงงานต่างด้าวนับร้อย ตรวจสุขภาพประจำปี ที่ รพ.ขอนแก่น แน่น เจ้าหน้าที่ต้องจัดพื้นที่เฉพาะพร้อมอุปกรณ์ป้องกัน คุมเข้ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติประกอบด้วยเมียนมา,ลาว และ กัมพูชา ทั้งในระบบและนอกระบบต่างทยอยเดินทางเจ้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีตามประกาศคำสั่งของทางรัฐบาล ที่กำหนดให้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ 3 สัญชาติ ทำการขึ้นทะเบียนและเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อออกใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น โดยพบว่าตลอดทั้งวันมีแรงงานทั้งในระบบและนอกระบบเดินทางมาเข้ารับการตรวจสุขภาพ ดำเนินการขึ้นทะเบียน และตรวจหาเชื้อโควิด- 19 อย่างต่อเนื่อง ภายใต้มาตรการคุมเข้มจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่ง รพ.ขอนแก่น ได้กำหนดพื้นที่ลานจอดรถ ด้านข้าง รพฯ ตรงข้ามเรือนจำกลางขอนแก่น เป็นสถานที่ตรวจคัดกรองและทำการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวทั้งหมด โดยแยกการตรวจออกจากการตรวจผู้ป่วยปกติทั่วไป
พญ.นาตยา มิลล์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับในส่วนของโรงพยาบาลนั้น มีหน้าที่รับผิดชอบ ในการตรวจโรคต้องห้าม ตรวจคัดกรองโควิด-19 ให้กับแรงงานต่างด้าวรวมถึงผู้ติดตามซึ่งเป็นบุตรของคนต่างด้าว โดยใช้แบบแจ้งข้อมูลบุคคล เป็นหลักฐานแสดงตน และออกใบรับรองแพทย์ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานในการสมัครงานได้
สำหรับเขตเมืองขอนแก่น มีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติลงทะเบียนประมาณ 240 คน จากภาพรวมทั้งจังกวัดประมาณ 400 คน
“ โรงพยาบาลฯได้กำหนดการตรวจคัดกรอง ตรวจสุขภาพ และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ของกลุ่มแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติในวันนี้และวันพรุ่งนี้ โดยกำหนดพื้นที่ตรวจที่แยกออกจากพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งได้กำหนดพื้นที่ด้านข้างของโรงพยาบาลให้เป็นจุดเข้า-ออกของกลุ่มแรงงานเพียงจุดเดียว ขณะที่ตั้งแต่ช่วงเช้ามีกลุ่มแรงงานที่เข้ามารับการตรวจโรค พบว่าบางรายยังไม่มีความพร้อมในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการตรวจ แต่เพื่อให้การตรวจยังคงสามารถดำเนินการได้ โดยที่แรงงานยังไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย โรงพยาบาลจึงอนุโลมให้ตรวจก่อนแล้วจ่ายทีหลังได้ เพื่อให้การตรวจสุขภาพเกิดประโยชน์สูงสุดและดำเนินการได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่รัฐบาลกำหนด”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news