Home
|
ภูมิภาค

“ดร.ภูผา”นอนคุกโกงเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง

Featured Image
“ดร.ภูผา” นอนคุก หลังถูกตำรวจรวบคาบ้านพัก สวมสิทธิ์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน บก.สส.ภ.4 สนธิกำลังน่วม สภ.บ้านฝาง และ กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น เข้าทำการจับกุม ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์  หลังก่อเหตุสวมสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง และ เราเที่ยวด้วยกัน โดยมีผู้เสียหายในพื้นที่ อ.บ้านฝาง และ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น จำนวนมากเข้าแจ้งความเอาผิด โดยหลังจากการจับกุมและทำการสอบสวนแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปคุมขัง นอนคุก ที่ห้องควบคุมภายใน สภ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

 

 

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ สภ.บ้านฝาง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น โดยพบว่า ดร.ภูผาภูมิ ถูกคุมขังในห้องควบคุมเพียงลำพัง โดยดร.ภูผาภูมิ ได้ใช้เสื่อปิดที่ลูกกรงห้องขัง และ นอนคุก อยู่อย่างเงียบสงบ โดยมีญาติพี่น้องและทนายความเดินทางเข้ามาเยี่ยม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แนะนำให้เข้าเยี่ยมในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น คือช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 08.00-09.00 น. ช่วงเย็นเวลา 17.00-18.00 น.

ขณะที่ พ.ต.อ.อิทธิพล เนตรไธสงค์ ผกก.สภ.บ้านฝาง กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนนางบุหงา ดวงจันทร์ หรือ ครูฝน  อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66/1 ม.2 บ้านโนนค้อ ต.โคกงาม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นคนที่ชาวบ้านกล่าวหาว่าแจกเงิน 200บาท แล้วถ่ายเอารูปบัตรประชาชนชาวบ้านไป จนชาวบ้านถูกสวมสิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง และ โครงการ เราเที่ยวด้วยกัน นั้น ภายหลังการสอบสวนแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แจ้งข้อหาร่วมกัน ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือ ทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งภายหลังการสอบสวน ยังพบหลักฐานในโทรศัพท์มือถือที่เชื่อมโยงกับการก่อเหตุและเชื่อมโยงกับครูภูผาภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอหมายค้น เข้าตรวจค้นบ้านครูภูผาภูมิ และขอหมายจับครูผาภูมิ ซึ่งในการตรวจค้นและจับกุมนั้นเจ้าหน้าที่พบหลักฐานทั้งที่เป็นเอกสารและหลักฐานทางอีเลคทรอนิค จึงควบคุมตัวไปสอบสวน จากการพูดคุย ครูคุยได้ทุกเรื่อง แต่ช่วงให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนครูภูผาภูมิให้การปฏิเสธ

 

ร้านโทรศัพท์ของ “ดร.ภูผาภูมิ” ปิดเงียบเป็นปี เพื่อนสมัยเรียน เผย แต่ก่อนเป็นคนดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่ตลาดดองโมง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น โดยพบกับร้านโมรีโมคอมพิวเตอร์เซอร์วิส ซึ่งเป็นร้านโทรศัพท์มือถือ รวมถึงรับซ่อมคอมพิวเตอร์ ของ ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ผู้ต้องหาในคดีสวมสิทธิ์โครงการคนละครึ่งกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งพบว่าร้านดังกล่าวปิดทำการ ซึ่งจากการสอบถามเพื่อนบ้านระบุว่าร้านดังกล่าวปิดตั้งแต่ปี 2563 โดยที่ ดร.ภูผาภูมิ และภรรยามาที่ร้านเพียงแค่ทำความสะอาดเท่านั้น

ขณะที่ นาย พจน์ เพื่อนสมัยเรียนมัธยม ของ ดร.ภูาภูมิ กล่าวว่า  ดร.ภูผาภูมิ เป็นคนนิสัยดี รักเพื่อนฝูง มีความเป็นผู้นำส่วนร้านโทรศัพท์ของ ดร.ภูผาภูมินั้นก่อนหน้านี้ได้เปิดร้านอยู่เป็นประจำ แต่เมื่อช่วง2ปีที่ผ่านมาร้านเปิดน้อยลงจนปิดร้านไป ไม่มีคนอาศัยอยู่เหลือไว้แค่ป้ายร้าน โดยจะมีคนเข้ามาทำความสะอาดให้อย่างเดียว

ด้าน พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ตำรวจยังคงตั้งข้อกล่าวหาผุ้ต้องหาว่า  เอาไปเสีย หรือไว้ ซึ่งบัตรหรือใบรับรอง หรือใบแทนใบรับรองของผู้อื่น เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ  โดยหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว ผู้ต้องหามาสอบปากคำ ที่ บก.สส.ภ.4 เมื่อวานนี้ ผู้ต้องหาก็เริ่มมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่โดยรวมแล้วผู้ต้องหายังให้การที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี โดยรับสารภาพว่าทำคนเดียว ไม่ได้มีบุคคลอื่นร่วมหรือทำเป็นขวนการ พร้อมบอกว่าส่วนตัวเป็นคนที่ชอบสะสมซิมโทรศัพท์มือถือเท่านั้น  และเป็นคนทำหน้าที่ในส่วนเทคนิค คือหลังจากที่รวบรวมซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนแล้ว ก็จะนำมาลงทะเบียนสมัครสิทธิ์เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งทำได้ไม่ยาก

 

 

ผู้ว่าฯขอนแก่น ฉุนขาดเจ้าหน้าที่ของรัฐเอี่ยวทุจริตเราเที่ยวด้วยกัน-คนละครึ่ง พบใครผิดฟันไม่เลี้ยง สั่งทุกอำเภอตรวจสอบ

นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายอำเภอบ้านฝาง และนายอำเภอหนองเรือ ถึงการทุจริต
โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และโครงการ คนละครึ่ง แล้ว และจากการทำงานร่วมฝ่ายปกครองและตำรวจ พบว่าการกระทำความผิดดังกล่าวนั้นมีมูล จึงขอความร่วมมือให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ให้ครบทุกคน เพื่อที่จะทำการสืบสวนสอบสวนเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ครบทุกคน เบื้องต้นข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า มีผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวประมาณ 3-4 คน มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

“คดีนี้รัฐเป็นผู้เสียหายเพราะมีกลุ่มบุคคลกระทำผิดต่องบประมาณของรัฐ จึงได้มอบหมายให้คลังจังหวัดลงพื้นที่ประสานการทำงานร่วมกับ
ฝ่ายปกครองและตำรวจ เพื่อตรวจติดตามขบวนการดังกล่าวนี้และแยกรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่แนวทางการจับกุมผู้กระทำความผิด
และสรุปยอดรวมของมูลค่าความเสียหายของรัฐทั้ง 2 โครงการ โดยได้สั่งการให้ทั้ง26 อำเภอ ทำการตรวจสอบพื้นที่ของตนเองอย่างละเอียด
ว่ามีการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ เพื่อที่จะสรุปรวบรวมความเสียหายที่รัฐเป็นผู้เสียประโยชน์ เนื่องจากเป็นโครงการที่รัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการที่จะให้การช่วยเหลือจากผู้ที่ได้รับกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นโครงการที่ดีมาก ที่ผู้ได้รับสิทธิ์นั้นจะได้ลดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตจากยอดเงินที่รัฐบาลจัดสรรให้แต่ละบุคคลที่ได้รับสิทธิ์ ดังนั้นเมื่อมีกลุ่มบุคคลที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการที่ทุจริตอย่างชัดเจนจังหวัดจะร่วมมือกับทุกหน่วยงาน พร้อมตั้งคณะทำงานร่วมทุกฝ่ายเพื่อต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุมและเด็ดขาด” นายสมศักดิ์ กล่าว

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube