กรมควบคุมโรค ชี้ หน้าร้อนเสี่ยงบาดเจ็บ-จมน้ำสูง โคราชฝึกทักษะป้องกันให้เด็กเอาชีวิตรอด
กรมควบคุมโรค ได้เผยแพร่ “พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์” ฉบับที่ 10/2566 ประจำสัปดาห์ที่ 11 (วันที่ 19 – 25 มีนาคม 2566) ว่า ในช่วงนี้คาดว่า จะมีโอกาสพบการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุการณ์ตกน้ำ จมน้ำ ในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปีมากขึ้น ประกอบกับระยะนี้เป็นช่วงที่เด็กปิดเทอมและอากาศร้อน เด็กอาจลงเล่นน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติหรือแหล่งน้ำที่ใช้ในเกษตรกรรมบริเวณใกล้เคียง รวมถึง แหล่งน้ำที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น ทะเล น้ำตก สวนน้ำ ที่เป็นที่นิยมในช่วงฤดูร้อน จึงอาจมีความเสี่ยงเกิดเหตุการณ์เด็กตกน้ำหรือจมน้ำเพิ่มขึ้นได้
ซึ่งช่วงวันที่ 1 มกราคม – 16 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา มีรายงานเหตุการณ์จมน้ำเสียชีวิตในหลายจังหวัด ทั้งที่ จ.สงขลา นราธิวาส กระบี่ และ จ.อุบลราชธานี รวมมีผู้จมน้ำเสียชีวิตไปแล้ว 9 ราย ในขณะที่เขตสุขภาพที่ 9 จ.นครราชสีมา นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 หรือ สคร.9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ในปี 2565 มีรายงานสถานการณ์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี จมน้ำเสียชีวิต มากถึง 79 ราย ใน 4 จังหวัดที่ดูแล โดย จ.บุรีรัมย์ จมน้ำเสียชีวิต 29 ราย , จ.สุรินทร์ เสียชีวิต 25 ราย , จ.นครราชสีมา เสียชีวิต 15 ราย และ จ.ชัยภูมิ
จมน้ำเสียชีวิต 10 ราย ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิตเกิดจากการว่ายน้ำไม่เป็น ไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอด ไม่มีป้ายเตือนเมื่ออยู่ใกล้แหล่งน้ำ หรือไปลงเล่นน้ำโดยไม่แจ้งผู้ปกครองหรือไม่มีผู้ปกครองดูแลใกล้ชิดตลอดเวลา จึงถือเป็นภัยเงียบที่เป็นสาเหตุทำให้เด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี การเสียชีวิตมากอันดับ 2 ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็ก ไม่ควรปล่อยให้เด็กเข้าถึงแหล่งน้ำตามลำพัง เพราะหากคลาดสายตาเพียงเสี้ยววินาที เด็กอาจจมน้ำเสียชีวิตได้
หลายหน่วยงานจึงบูรณาการป้องกันด้วยการเสริมภูมิคุ้มกันให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ โดยที่ จ.นครราชสีมา มูลนิธิพุทธธรรม 31 นครราชสีมา หรือ ฮุก 31 โคราช ได้จับมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 9 นครราชสีมา , สคร.เขต 9 นครราชสีมา , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานศึกษา จัดกิจกรรมฝึกทักษะป้องกันการจมน้ำให้กับเด็กๆ และเยาวชน เพราะส่วนใหญ่จะชอบเล่นน้ำ แต่หลายคน
จะไม่เข้าใจถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น อีกทั้งยังขาดทักษะการเอาตัวรอด ไม่เข้าใจวิธีการช่วยเพื่อนเวลาเพื่อนจมน้ำอย่างถูกวิธี จึงต้องจัดฝึกอบรมเสริมทักษะการลอยตัวเพื่อเอาชีวิตรอดเมื่ออยู่ในน้ำให้กับเด็กๆ รวมถึง ฝึกทักษะการช่วยเหลืออย่างถูกวิธีเมื่อประสบเหตุพบคนตกน้ำ
ซึ่งทักษะการลอยตัวในน้ำ (Float in the water) เป็นเทคนิคที่สำคัญมากๆ แม้จะว่ายน้ำไม่เป็น แต่ถ้ารู้จักวิธีลอยตัวที่ถูกต้องก็สามารถเอาตัวรอดจากการจมน้ำได้ โดยส่วนใหญ่จะฝึกให้เด็กรู้วิธีลอยตัวในน้ำด้วยท่าลอยตัวแบบหงาย หรือบางคนจะเรียกว่า ท่าปลาดาวหงาย หรือ ท่าแม่ชีลอยน้ำ ซึ่งท่านี้จะทำให้เราหายใจเอาอากาศเข้าออกได้ตามปกติ เพราะหน้าเราจะอยู่เหนือผิวน้ำอยู่แล้ว แต่จะต้องพยุงตัวไว้ในลักษณะให้ลำตัวนอนหงายขนานกับผิวน้ำ กางแขนขาเหยียดตึง ยืดอกแอ่นเอว ใบหน้าตรง ใบหูจมน้ำ พยายามยกสะโพกให้สูง เอวไม่งอ ปล่อยตัวตามสบาย และที่สิ่งสำคัญคือ
จะต้องยกหน้าอกให้สูงกว่าผิวน้ำ ซึ่งช่วงแรกๆ อาจจะยังรักษาสมดุลไม่ค่อยได้ จะต้องหมั่นฝึกเพื่อบังคับร่างกายคุ้นชิน ก็จะช่วยให้เอาชีวิตรอดจากการจมน้ำได้ แต่จะต้องไม่ไปเล่นน้ำกันเองตามลำพัง ส่วนเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ปี ยังลอยตัวไม่เป็น ต้องใช้มาตรการ “อย่าใกล้ อย่าเก็บ อย่าก้ม” โดยอย่าเข้าใกล้แหล่งน้ำ เพราะอาจลื่นพลัดตกลงไปในน้ำ , อย่าเก็บสิ่งของที่ตกลงไปในน้ำด้วยตนเอง ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วยเก็บ และอย่าก้มหรือชะโงกลงไปในแหล่งน้ำ เพราะอาจหัวทิ่มลงไปในน้ำได้
และสำหรับกรณีพบเห็นคนตกน้ำ ไม่ควรกระโดดลงไปช่วยเพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้ ให้ใช้มาตรการ “ตะโกน โยน ยื่น” ด้วยการตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ และโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 รวมทั้ง โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว อาทิ ถังแกลลอนพลาสติกเปล่าปิดฝา หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้ โดยไปให้คนตกน้ำได้เกาะจับพยุงตัว และให้ผู้ใหญ่ที่มาช่วยส่งอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ไม้ เชือก เสื้อ ผ้าขาวม้า ยื่นให้คนตกน้ำจับเพื่อดึงขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งหากฝึกปฏิบัติตามมาตรการได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยป้องกันและลดอัตราการจมน้ำเสียชีวิตลงได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews