โค้งสุดท้าย ชิง 16 เก้าอี้ สนามเลือกตั้งเมืองย่าโม คาด เพื่อไทยเป็นแชมป์ ชาติพัฒนากล้าคัมแบ๊ค พลังประชารัฐและภูมิใจไทย เก้าอี้ลด
สนามเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดนครราชสีมา เป็นที่หมายปองของพรรคการเมืองหลายพรรค เพราะมีเก้าอี้ ส.ส.ถึง 16 ที่นั่ง ในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 พรรคการเมืองใหญ่ที่ตั้งเป้าหมายจะยึดเก้าอี้ในแต่ละเขต ต่างก็งัดกลยุทธ์ในการหาเสียงทั้งรูปแบบใต้ดินและบนดินเพื่อเรียกคะแนนเสียง
ไม่ว่าจะเป็นการติดป้ายแบบกองโจรตามสถานที่ต่างๆ การเดินหาเสียงพบปะชาวบ้านไปตามชุมชนหมู่บ้าน เพื่อนำเสนอนโยบายและชี้แจงผลงานตนเองที่ผ่านมา การไปร่วมงานบุญ งานกุศล งานมงคลสมรส งานศพ รวมถึงการปราศรัยย่อย ปราศรัยใหญ่ การใช้รถแห่ การใช้สื่อโซเชียลชี้แจงนโยบายและผลงานของพรรคและผู้สมัคร
และรูปแบบการจัดตั้งแกนนำและหัวคะแนนในแต่ละหมู่บ้าน ตำบลทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผย และที่สำคัญคือ การใช้กระสุนดินดำเพื่อยิงให้เข้าเป้าหมาย ถ้าพรรคใดยังไม่มั่นใจก็จะยิงซ้ำไม่น้อยกว่า 3 รอบ โดยคอการเมืองของโคราชได้วิเคราะห์และสังเคราะห์ตรงกันว่า เขตเลือกตั้ง 16 เขตของจังหวัดนครราชสีมา มีผู้สมัคร ส.ส.ที่จะมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งในโค้งสุดท้าย ดังนี้
เขตเลือกตั้งที่ 1 ประกอบด้วย อำเภอเมืองนครราชสีมา เฉพาะตำบลในเมือง ตำบลโพธิ์กลาง และตำบลหนองไผ่ล้อม ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 161,693 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง ร.ต.อ.สุปชัย อินทรักษา อดีตรองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและอดีตนายก เทศมนตรีตำบลปรุใหญ่ อ.เมืองนครราชสีมา ลงชิงเก้าอี้ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช และบรรดาผู้สนับสนุนในชุมชนต่างๆในเขตเมืองนครราชสีมาเป็นฐานเสียงหลัก
โดยมี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย คอยส่งเสบียงสนับสนุน ขณะที่พรรคชาติพัฒนากล้าที่ถือว่าเขตเลือกตั้งนี้เป็นเมืองหลวง ได้ตัดสินใจส่ง “นายเทวัญ ลิปตพัลลภ” อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคชาติพัฒนากล้า น้องชาย”นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ” โดยนายสุวัจน์ฯ ได้ทุ่มเทให้กับการหาเสียงครั้งนี้อย่างหนัก พร้อมประกาศศึกครั้งนี้แพ้ไม่ได้และจะขอตายคาสนามรบ เพื่อหวังทวงเก้าอี้ในเขตนี้คืน โดยฐานเสียงหลักของชาติพัฒนากล้าจะอยู่ในเขตชุมชนและนักธุรกิจในเขตตัวเมือง
โดยมีสมาชิกสภาเทศบาลและสมาชิกสภา อบจ. ในเขตเทศบาลนครนครโคราช เป็นแรงหนุน ส่วนตำบลโพธิ์กลาง ยังได้ “กิติพงศ์ พงศ์สุรเวท” นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์กลาง อดีตเลขานุการของนายสุวัจน์ฯ มาหนุนอีกแรง ส่วนพรรคก้าวไกล ส่ง”นายฉัตร สุภัทรวณิช” นักธุรกิจหนุ่มด้านเสื้อผ้า ซึ่งมีฐานเสียงหลักเป็นกลุ่มนักธุรกิจ คหบดีบางกลุ่ม กลุ่มเยาวชน และนักศึกษาที่ชื่นชอบพรรคก้าวไกล เป็นแกนสำคัญและกระแสพรรคฯ ก็ดีวันดีคืน
ด้านพรรคพลังประชารัฐ ส่ง”นายเกษม ศุภรานนท์” เจ้าของเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้ลงป้องกันแชมป์ โดยมีฐานเสียงหลักเดิมจะเป็นทหาร ครอบครัวทหาร และชุมชนรอบค่ายทหาร โดยมี” พลเอกธัญญา เกียรติสาร “ หรือ บิ๊กอิ๊ด อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 สายตรง”บิ๊กป้อม”พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หน.พรรคพลังประชารัฐ
และร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรค พปชร.ลงมาเป็นกุนซือหนุนเต็มที่ แต่เลือกตั้งครั้งนี้ ผู้บังคับบัญชาทหารทุกระดับในกองทัพภาคที่ 2 ได้ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า พลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก คนปัจจุบัน มีนโยบายให้ทหารบกวางตัวเป็นกลางทางการเมืองอย่างเคร่งครัด ไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใดคนหนึ่งการลงคะแนนเสียงให้เป็นไปตามอิสระและทหารเกณฑ์ผลัดใหม่จาก 20 จังหวัดภาคอีสานที่จะเข้ามาสังกัดค่ายสุรนารีและค่ายสุรธรรมพิทักษ์ อ.เมืองนครราชสีมา
ให้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งในภูมิลำเนาของตนเองเสร็จสิ้นก่อนจึงมารายงานตัว ส่งผลให้ “บิ๊กอิ๊ด” และร้อยเอกธรรมนัสฯ ถึงกับหัวเสีย ต้องงัดกลยุทธ์ใหม่เพื่อหวังจะให้ “เกษม ศุภรานนท์” รักษาเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้ไว้ให้ได้ ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติของลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่ง “นายอนันต์ อาบสุวรรณ” นักธุรกิจด้านอาหารและการขนส่ง ลงชิงชัย โดยมีฐานเสียงหลักเป็น พ่อค้าคหบดีบางส่วนในพื้น คอการเมืองโคราช ฟันธงว่า สนามเลือกตั้งเขต 1 โคราช เป็นศึกช้างชนช้างโดยเฉพาะ “นายเทวัญ ลิปตพัลลภ” น้องชายนายสุวัจน์ฯ เทหมดหน้าตัก หวังทวงเก้าอี้ในเขตเมืองหลวงของพรรคชาติพัฒนากล้าคืนมาให้ได้ สุดท้าย “เทวัญ” น่าจะเบียดกับ “ฉัตร ศุภัทรวณิช” จากก้าวไกล โดยมี “เกษม ศุภรานนท์” จากพลังประชารัฐ และ “ร.ต.อ.สุปชัย อินทรักษา” จากพรรคเพื่อไทย คอยเป็นตาอยู่
เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอเมืองนครราชสีมา เฉพาะ ต.โคกสูง ต.บ้านโพธิ์ ต.ตลาด ต.หนองไข่น้ำ ต.บ้านเกาะ ต.พะเนา ต.มะเริง ต.หนองบัวศาลา ต.หนองระเวียง ต.หัวทะเล และ ต.จอหอ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จำนวน 167,149 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นายสมโภชน์ ปราสาทไทย” แกนนำคนเสื้อแดงอำเภอเมืองโคราช ซึ่งหนีจากเขต 1 ไปลงชิงชัยเก้าอี้ในเขตนี้ โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงใน 11 ตำบลของ อ.เมืองโคราช เป็นฐานเสียงหลัก ขณะที่พรรคชาติพัฒนากล้า ส่ง “นายวัชรพล โตมรศักดิ์” รองหัวหน้าพรรคฯ และเป็นเเชมป์เก่าครองเก้าอี้เขตนี้มาแล้ว 5 สมัย ลงป้องกันแชมป์ โดยมีนักการเมืองท้องถิ่นท้องที่ กลุ่มสตรีแม่บ้าน อสม.และคนรักกีฬาเป็นฐานเสียงหลัก ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นายประพิศ นวมโคกสูง” อดีตครูโรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ลงสู้ศึก โดยมีฐานเสียงหลักเป็นข้าราชการครูบางคน และผู้นำชุมชนบางส่วน ซึ่งเขตนี้ นักวิเคราะห์การเมืองโคราชฟันธงว่า “วัชรพล” จากชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นอดีต ส.ส.ที่มีผลงาน โดยเฉพาะด้านกีฬาฟุตบอล และวอลเลย์บอล ขยันลงพื้นที่ทำการบ้านอย่างเสมอต้นเสมอปลาย จะป้องกันแชมป์ไว้ได้อีกสมัย
เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอเมืองนครราชสีมา เฉพาะ ต.โคกกรวด ต.ปรุใหญ่ ต.หนองจะบก ต.สุรนารี ต.หมื่นไวย ต.บ้านใหม่ ต.ไชยมงคล ต.หนองกระทุ่ม ต.พลกรัง ต.พุดซา ต.สีมุม และอำเภอโนนไทย เฉพาะ ต.ด่านจาก ต.กำปัง และต.สำโรง จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 164,200 คน พรรคเพื่อไทยส่ง “ดร.จิ๋ว” นายวัฒนะชัย สืบศิริบุษย์ นักธุรกิจเจ้าของตลาดสดชื่อดังเขตตำบลจอหอ อ.เมืองโคราช ลงชิงเก้าอี้ โดยมีฐานเสียงหลักเป็นนักธุรกิจ พ่อค้า แม่ค้า และผู้นำชุมชนบางส่วนในพื้นที่ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นายวีระวัฒน์ มิตรสูงเนิน” อดีตประธาน สภา อบจ.นครราชสีมา มีฐานเสียงหลักเป็นนักการเมืองท้องถิ่นและผู้นำชุมชนในพื้นที่ ด้านพรรคชาติพัฒนากล้า ส่ง “กำนันเบ้า” นายสมศักดิ์ กาญจนวัฒนา อดีตกำนันตำบลโคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา นักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางและเป็นนักธุรกิจรับเหมาเจ้าของปั้มน้ำมันยี่ห้อดังหลายแห่ง และเป็นพี่เขยของ “นายวีระวัฒน์ฯ ” คอการเมืองโคราชฟันธงว่าเขตนี้เป็นสนามใหม่ของผู้สมัครทุกพรรค แต่สุดท้าย “สมศักดิ์” จากชาติพัฒนากล้า มีสิทธิ์ลุ้นซิวเก้าอี้ ส.ส.เขต 3 มาครองได้มากที่สุด โดยมี “วีระวัฒน์ มิตรสูงเนิน”
จากพลังประชารัฐเป็นคู่ชิง หาก “วิรัช รัตนเศรษฐ” แกนนำ พปชร.ส่งท่อน้ำเลี้ยงให้จริงตามที่รับปากไว้ ก็มีสิทธิ์เบียดแย่งเก้าอี้ได้เช่นกัน ส่วน “ดร.จิ๋ว” กระแสพรรคเพื่อไทยมาแรงก็จริง แต่ตัวบุคคลจะต้องใช้เวลาทำการบ้านอีกในระยะยาว
เขตเลือกตั้งที่ 4 ประกอบด้วย อ.สูงเนิน อ.ขามทะเสอ อ.โนนไทย ยกเว้น ต.ด่านจาก ต.กำปัง และตำบลสำโรง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 160,331 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นางสาวณัฐจิรา อิ่มวิเศษ” นักธุรกิจ หลานสาว “ดร.บุญมา อิ่มวิเศษ” เจ้าของสินค้าครัวเรือนยี่ห้อดัง “สตาร์เวลล์” ลงชิงเก้าอี้ โดยมี กำนันป้อ “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” เป็นกุนซือ ฐานเสียงหลักของ “ณัฐจิรา” เป็น สจ.ในสังกัด “ยลดา หวังศุภกิจโกศล”นายก อบจ.นครราชสีมา และผู้นำชุมชนในพื้นที่ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นายสุธรรม พรสันเทียะ” นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เมืองโคราช ลงสมัคร แต่ทั้งสองคนถือว่ายังเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ในเขตเลือกตั้งนี้ ด้านพรรคชาติพัฒนากล้า ส่ง “นายสมบัติ กาญจนวัฒนา” อดีตประธานสภา อบจ.นครราชสีมา และเป็นน้องชาย “กำนันเบ้า” สมศักดิ์ กาญจนวัฒนา นักการเมืองท้องถิ่นผู้กว้างขวางในพื้นที่ “สมบัติ”หาเสียงลงพื้นที่ทำการบ้านในเขตนี้มานาน มีฐานเสียงจากนักการเมืองท้องถิ่น กลุ่ม อสม. กลุ่มสตรีแม่บ้าน และผู้นำชุมชนแน่นปึ๊ก และยังได้ “เจ๊ก๊อก” เจ้าของโรงแป้งมันโชคยืนยง ขามทะเลสอ ที่อกหักจากเพื่อไทย หันมาสนับสนุนอีกแรง เขตนี้นักวิเคราะห์การเมืองโคราชฟันธงว่า “สมบัติ”จากพรรคชาติพัฒนากล้า จะแจ้งเกิดได้เป็น ส.ส.เสียที โดยมี “ณัฐจิรา” จากพรรคเพื่อไทย ที่มีทั้ง “กำนันป้อ”วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล และดร.บุญมา อิ่มวิเศษ จากสตาร์เวลล์ คอยสนับสนุนจะเป็นคู่ชิง
เขตเลือกตั้งที่ 5 ประกอบด้วย อ.โนนสูง อ.เฉลิมพระเกียรติ ยกเว้น ต.พระพุทธ ต.หนองยาง และต.หนองงูเหลือม อำเภอพิมาย เฉพาะ ต.ชีวาน ต.สัมฤทธิ์ ต.กระเบื้องใหญ่และต.ท่าหลวง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 163,114 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นายสมเกียรติ ตันดิลกตระกูล” อดีตรองนายก อบจ.นครราชสีมา เด็กในคาถาของกำนันป้อ “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” รมช.คมนาคม เจ้าของโรงแป้งมันเอี่ยมเฮง “สมเกียรติ” เป็นนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานราชการรายใหญ่ของโคราช โดยมีฐานเสียงจากนักการเมืองท้องถิ่น ทั้ง สจ. นายกอบต.
ผู้นำชุมชนในเขตอำเภอโนนสูงเป็นหลัก โดยมีกำนันป้อ “วีศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” คอยส่งเสบียงสนับสนุนเต็มที่ แต่ “สมเกียรติ” ต้องเจอศึกหนัก เพราะพรรคพลังประชารัฐ แชมป์เก่า ที่มี”นายวิรัช รัตนเศรษฐ” แกนนำคนสำคัญของพรรค ลงมาคุมพื้นที่ดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง และได้ส่งลูกชาย “นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ” เจ้าของเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้ลงป้องกันแชมป์ โดยมีฐานเสียงหลักเป็นผู้นำชุมชน ข้าราชการ และพ่อค้า คหบดีและกลุ่มสตรีแม่บ้านในพื้นที่ ส่วนพรรคภูมิใจไทย ส่ง “นายจักรกฤช ผาสุกมูล” ลงชิงชัย ซึ่งเขตนี้ฟันธงว่า “นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ”เจ้าของเก้าอี้ ส.ส.เดิมจากพลังประชารัฐ จะเบียดกับ “สมเกียรติ ตันดิลกตระกูล”จากพรรคเพื่อไทย อย่างสนุก โดยสุดท้ายจะวัดกันที่กระสุนดินดำของใครจะออกเข้าเป้ามากกว่ากันและจะออกกี่รอบเป็นตัววัด
เขตเลือกตั้งที่ 6 อ.บัวใหญ่ อ.แก้งสนามนาง อ.สีดา และ อ.บัวลาย ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 164,491 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นายโกศล ปัทมะ” แชมป์เก่าหลายสมัย น้องชาย ”นายนภดล ปัทมะ” อดีต รมว.ต่างประเทศ ลงรักษาที่นั่งโดยมีกลุ่มคนเสื้อแดง และผู้นำชุมชน ชาวบ้าน ทั้ง 4 อำเภอเป็นฐานเสียงหลัก ซึ่งคู่แข่งคือ “นางอรทัย พลวิเศษ” ภรรยาของนายภิรมย์ พลวิเศษ จากพรรคพลังประชารัฐ ลงชิงชัย “อรทัย” หวังที่จะล้มช้างให้ได้ แต่นักวิเคราะห์การเมืองโคราชยังมั่นใจว่า “โกศล ปัทมะ”จากเพื่อไทย จะสอบผ่านเช่นเคย
เขตเลือกตั้งที่ 7 อ.ประทาย อ.โนนแดง อ.ลำทะเมนชัย และ อ.เมืองยาง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 162,007 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นางสาวปิยะนุช ยินดีสุข” สจ.นครราชสีมา เขต.ลำทะเมนชัย และเป็นสะใภ้ของโรงแป้งมันเอี่ยมธงชัย เครือโรงแป้งมันเอี่ยมเฮง ลงชิงเก้าอี้ โดยมีฐานเสียงเป็นผู้ท้องถิ่น ท้องที่ และกลุ่มสตรีแม่บ้าน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นางทัศนียา รัตนเศรษฐ” ภรรยาของ “นายวิรัช รัตนเศรษฐ” ลงรักษาเก้าอี้ ส.ส.ในเขตนี้ ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ส่ง “นายพีรพร สุวรรณฉวี” บุตรชาย ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี และร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา ลงสู้ศึก เขตนี้มีข่าวกระฉ่อนดังไปทั่วประเทศ เมื่อมีคนปล่อยคลิปชายฉกรรจ์หัวเกรียนๆ เดินแจกแผ่นพับพร้อมแนบเงิน 100 บาทให้กับชาวบ้านที่มาฟังการปราศรัยของพรรคการเมืองชื่อดังแบบเย้ยกฎหมาย แต่จนถึงขณะนี้
กกต.ก็ยังหาพยานมายืนยันไม่ได้ คอการเมืองโคราชฟันธงเขตนี้เป็นเขตช้างชนช้างอีกหนึ่งเขต จะเป็นการเบียดกันสูสีระหว่าง “ทัศนียา” จากพลังประชารัฐกับ “ปิยะนุช” จากเพื่อไทย
เขตเลือกตั้งที่ 8 อำเภอพิมาย ยกเว้น ต.สัมฤทธิ์ ต.ชีวาน ต.กระเบื้องใหญ่ และต.ท่าหลวง อำเภอชุมพวง ยกเว้น ต.โนนตูมและต.ตลาดไทร ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 163,938 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง”นายนิกร โสมกลาง” เลขานุการ “ยลดา หวังศุภกิจโกศล” นายก อบจ.นครราชสีมา ลงชิงเก้าอี้ โดยมี สจ.และนักธุรกิจในเขตอ.พิมาย รวมทั้ง อดีต ส.ส.”อนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์” เจ้าของตลาดพิมายเมืองใหม่เป็นกองหนุน ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นางอรัชมน รัตนเศรษฐ” ภรรยาของ “อธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รมช.คมนาคม สะใภ้ของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ลงสู้ศึก ซึ่งฐานเสียงเป็นผู้นำท้องถิ่นท้องที่ โดยเขตเลือกตั้งนี้ ถือเป็นเขตช้างชนช้าง จะเป็นการชิงดำกันระหว่าง “นิกร โสมกลาง” ว่าที่บุตรเขย “กำนันป้อ” เจ้าของโรงแป้งมันเอี่ยมเฮง จากพรรคเพื่อไทย กับ “อรัชมน รัตนเศรษฐ” สะใภ้ “นายวิรัช” แกนนำพลังประชารัฐ ชนิดต้องถ่ายรูปตัดสินกันเลยทีเดียว
เขตเลือกตั้งที่ 9 อ.ห้วยแถลง อ.จักราช และ อ.ชุมพวง เฉพาะตำบลโนนตูมและตำบลตลาดไทร ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 167,109 คน พรรคภูมิใจไทย ส่ง”นายพลพีร์ สุวรรณฉวี” เลขานุการ “อนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคฯ พลพีร์หรือ “เต้ย” เป็นบุตรชาย ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี อดีตนายก อบจ.นครราชสีมา
มีฐานเสียงเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ขณะที่พรรคเพื่อไทย ส่ง “นายธีระยุทธ ตันติกุล” นักธุรกิจเจ้าของปั้มแก๊สหลายแห่ง โดยมีฐานเสียงจากกลุ่มคนเสื้อแดงและนักธุรกิจคอยสนับสนุน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ส่ง “นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ” น้องสาว “ทัศนียา รัตนเศรษฐ” ภรรยานายวิรัช รัตนเศรษฐ โดย “ทัศนาพร” เป็นเจ้าของเก้าอี้ ส.ส.ในเขตตี้ ลงป้องกันแชมป์ โดยเขตนี้ นักวิจารณ์เมืองโคราชฟันธงเป็นเขตช้างชนช้างอีกหนึ่งเขต และสุดท้ายจะตัดสินกันที่กระสุนดินดำของใครจะยิงเข้าเป้ามากกว่ากัน โดยจะเป็นการเบียดกันระหว่าง “พลพีร์” จากพรรคภูมิใจไทย กับ “ทัศนาพร”จากพลังประชารัฐ โดย “ธีระยุทธ”จากเพื่อไทยอาจเป็นตัวสอดแทรก
เขตเลือกตั้งที่ 10 อ.โชคชัย อ.ครบุรี ยกเว้น ต.มาบตะโกเอน ต.ตะแบกบาน ต.ลำเพียก ต.โคกกระชาย และ
และต.สระว่านพระยา และ อ.เฉลิมพระเกียรติเฉพาะ ต.หนองงูเหลือม ต.พระพุทธและต.หนองยาง ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 168,115 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นายอภิชา เลิศพชรกมล” หรือเสี่ยปื้ด เจ้าของเก้าอี้ลงป้องกันแชมป์ หลัง “อภิชา” ย้ายจากพรรคภูมิใจไทย มาสังกัดพรรคเพื่อไทย ตามลูกพี่ “กำนันป้อ” นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เจ้าของโรงแป้งมันเอี่ยมเฮง ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ส่ง”นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์” อดีต รมช.มหาดไทย ลงท้าชิง ซึ่งเขตนี้ “บุญจง” หวังจะกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง โดยมี “อนุทิน ชาญวีรกุล ” หน.พรรคฯ คอยสนับสนุน นักวิเคราะห์การเมืองชี้ว่า “กำนันป้อ”จากเพื่อไทย มีเสียงเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่ 7 ตำบลของอ.ครบุรี กว่า 6 หมื่นคะแนน มั่นใจดันลูกน้อง “อภิชา เลิศพชรกมล” เข้าสภาฯ รักษาแชมป์ไว้ได้อีกสมัย แต่ก็อย่าประมาท “บุญจง” แมว 9 ชีวิต ที่มีเสี่ยหนู “อนุทิน”คอยซัพพอตอย่างเต็มที่เช่นกัน
เขตเลือกตั้งที่ 11 อ.หนองบุญมาก อ.เสิงสาง และ อ.ครบุรี เฉพาะ ต.มาบตะโกเอน ต.ตะแบกบาน ต.ลำเพียก ต.โคกกระชาย และต.สระว่านพระยา ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 164,948 คน พรรคเพื่อไทย ส่ง “นายอาทิตย์ หวังศุภกิจโกศล” บุตรชายกำนันป้อ “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” โรงแป้งมันเอี่ยมเฮง ลงชิงเก้าอี้ ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ส่ง “พันตำรวจเอกปริวัฒน์ นาคำ”
อดีต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหลายแห่ง ลงชิงชัย และพรรคภูมิใจไทย ส่ง “นายพรชัย อำนวยทรัพย์” อดีตคนสนิทกำนันป้อลงป้องกันแชมป์และเป็นเจ้าของเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้ โดยมี “อนุทิน ชาญวีรกุล” หน.พรรคภูมิใจไทยคอยสนับสนุน เขตนี้ “กำนันป้อ” ต้องการดันให้ลูกชาย “อาทิตย์” เป็น ส.ส. หมดเท่าไรก็ต้องยอม เพื่อจะเอาเก้าอี้ ส.ส.เขตนี้คืนมาจากภูมิใจไทยให้ได้ ฐานเสียงหลักของ “อาทิตย์” คือชาวไร่มันสำปะหลังในเขตอำเภอครบุรีและอำเภอเสิงสาง รวมทั้ง ผู้นำท้องถิ่นท้องที่ คอการเมืองฟันธง “อาทิตย์” ลูกชายกำนันป้อเหนือกว่า “พรชัย” แชมป์เก่า น่าจะซิวเก้า ส.ส.ในเขตนี้ได้
เขตเลือกตั้งที่ 12 อ.ปักธงชัย และ อ.วังน้ำเขียว ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 161,245 คน พรรคภูมิใจไทย ส่ง”นายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม” ที่ย้ายมาจากพลังประชารัฐ ลงรักษาเก้าอี้ แต่ต้องเจอศึกหนักเมื่อ “กำนันป้อ” วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล จากพรรคเพื่อไทย ดับเครื่องชน ดันหลานชาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews