คลิป ตร.โคราชไล่ล่าหนุ่มขับยารีส ชนดะกลางเมือง ก่อนจนมุมแยกไฟแดง สารภาพเสพยาบ้า กลัวความผิดจึงขับหลบหนี
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Parinya Janthong ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ที่ผ่านมา (8 มีนาคม 2564) ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขับรถจักรยานยนต์ไล่ล่าผู้ต้องสงสัย ที่ก่อเหตุชนดะในตลาดย่าโม และไล่ชนรถชาวบ้านเสียหายหลายคัน ก่อนจะขับหลบหนีไปตามเส้นทางต่างๆ โดยมีพลเมืองดีขี่รถจักรยานยนต์ประกบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไล่ล่ากดดันผู้ก่อเหตุ และไปจนมุมใกล้กับแยกไฟแดง หน้าศูนย์โตโยต้า ก่อนถึงเทสโก้ห้างโลตัส สาขาโคราช ซึ่งมีชาวโซเชียลแห่เข้ามาดูและวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นจำนวนมากนั้น
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถาม ดาบตำรวจสมศักดิ์ มุ่งเขื่องกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ล่าครั้งนี้ โดยเปิดเผยถึงเหตุการณ์ระทึกกลางเมืองโคราชครั้งนี้ว่า รถที่ก่อเหตุ เป็นรถยนต์ ยี่ห้อ Toyota ยาริส สีขาว ไม่ติดทะเบียน ผู้ก่อเหตุ เป็นผู้ชายอายุประมาณ 25 – 30 ปี ซึ่งหลังจากได้สอบสวนผู้ก่อเหตุเบื้องต้น ทราบว่า มีอาชีพค้าขายสินค้าออนไลน์ มีบ้านอยู่แถวอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เดินทางมาคนเดียว และสารภาพว่า มีอาการเครียดจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และได้เสพยาเสพติด (ยาบ้า) มาตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อมาเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจโบกรถขอตรวจ จึงกลัวความผิด ได้ขับรถหนีเจ้าหน้าที่ฯ ไปตามเส้นทางต่างๆ ในเขตเมืองนครราชสีมา
โดยพฤติการณ์การก่อเหตุ ผู้ต้องสงสัยได้ขับหลบหนีการเรียกตรวจของเจ้าหน้าที่ฯ ตั้งแต่บนถนนมิตรภาพ เลยแยกไฟแดงนครราชสีมา-หนองคาย มาสักระยะ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฯ สังเกตเห็นความผิดปกติเพราะขับรถส่ายไปมา และไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แต่เมื่อเรียกตรวจ ผู้ต้องสงสัยกลับขับหลบหนีไปตามเส้นทาง ก่อนจะเลี้ยวเข้าแยกถนนมุขมนตรี ขับฝ่าผ่านมาในเขตชุมชนสวายเรียง แล้วเลี้ยวเข้าซอยทะลุออกถนนมิตรภาพ หน้าห้างเดอะมอลล์โคราชอีกครั้ง ซึ่งระหว่างขับหลบหนีได้ชนเข้ากับรถของประชาชนตามเส้นทางหลายคัน ก่อนจะถูกดดัน แล้วไปจนมุมที่แยกไฟแดง หน้า รพ.กรุงเทพ-ราชสีมาซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับตรวจร่างกายซ้ำ ขยายผลเรื่องยาเสพติด ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news