โคราช 3 เดือนป่วยอาหารเป็นพิษ600กว่ารายแล้ว ย้ำทานสุกร้อนสะอาด
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา ได้รายงานความคืบหน้าสถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษใน 4 จังหวัดพื้นที่ดูแลของเขตสุขภาพที่ 9 ว่า จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2567 ถึง 2 มีนาคม 2567 พบผู้ป่วยมากถึง 2,738 ราย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยแยกเป็นรายจังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วยมากสุด 1,270 ราย
รองลงมา คือ จังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วย 625 ราย , จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วย 619 ราย และจังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วย 223 ราย ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 0-4 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี และกลุ่มอายุ 10-14 ปี ตามลำดับ ส่วนสถานการณ์โรคอหิวาตกโรค ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในพื้นที่ดูแล
ในขณะที่ภาพรวมทั้งประเทศ ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2567 ถึง 8 มีนาคม 2567 มีผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษ 21,214 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย โดยกลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับ คือ กลุ่มอายุ 0-4 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี และกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป ตามลำดับ
ซึ่งสภาพอากาศร้อนจัดในช่วงนี้ เสี่ยงมีอาการป่วยโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำได้ โดยโรคอาหารเป็นพิษ เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อก่อโรค ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อาจมีถ่ายเหลว อาการมักเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันหลังรับประทานอาหารที่ปนเปื้อน ส่วนโรคอหิวาตกโรค เกิดจากการรับประทานอาหารหรือน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนหรือพิษของเชื้อปะปนอยู่
เช่น อาหารที่มีแมลงวันตอม อาหารทะเล อาหารสุกๆ ดิบๆ ทำให้ผู้ป่วยท้องเสีย อุจจาระมีสีขาวเหมือนน้ำซาวข้าว อาเจียน ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่อย่างรวดเร็ว นำไปสู่ภาวะขาดน้ำและช็อก หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ดังนั้น ประชาชนจะต้องตรวจดูอาหารที่รับประทานด้วยว่าบูดเสียหรือไม่ โดยเฉพาะอาหารที่ปรุงไว้ล่วงหน้าเป็นเวลานานและปริมาณมาก เช่น กับข้าวที่วางขายในตลาดต่างๆ , ข้าวกล่องที่เตรียมไว้บริการผู้เข้าร่วมการประชุมสัมมนาต่างๆ รวมทั้ง อาหารกลางวันของเด็กนักเรียน หากบูดเสีย มีเชื้อโรคปนเปื้อน รับประทานเข้าไปจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือมีมูกเลือด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews