15 มิถุนายน วันไข้เลือดออกอาเซียน ควบคุมโรคอีสานใต้ ชี้ ปี 67 ป่วยสะสมกว่า 1,700 ราย และเสียชีวิต 5 รายแล้ว ย้ำ ปชช. ตระหนักรวมพลังกำจัดยุงลาย ลดการป่วยตายให้เป็นศูนย์
นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยว่า “วันที่ 15 มิถุนายนของทุกปี เป็น วันไข้เลือดออกอาเซียน” ทั้งนี้ เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนัก และร่วมกันแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออก ซึ่งในปี 2567 ประเทศไทย โดยกรมควบคุมโรค ได้กำหนดแนวทางการรณรงค์ ว่า “รวมพลังกำจัดยุงลาย ลดการป่วยตายให้เป็นศูนย์” ด้วยการป้องกันตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ทายากันยุง กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
เพราะมีรายงานประชาชนป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งประเทศในกลุ่มอาเซียน ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บูรไน เวียดนาม ลาว พม่า และประเทศกัมพูชา สภาพภูมิอากาศจะร้อนชื้น จึงเหมาะแก่การแพร่พันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะนำโรค จึงต้องรณรงค์ประชาชนให้ตระหนักป้องกันโรค และร่วมกันแก้ปัญหาโรคไข้เลือดออกกันอย่างจริงจัง
ซึ่งสถานการณ์ไข้เลือดออกในเขตสุขภาพที่ 9 ปี 2567 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 – 1 มิถุนายน 2567 มีผู้ป่วยสะสม 1,707 ราย มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และล่าสุดในช่วงสัปดาห์ที่ 22 ตั้งแต่วันที่ 2-8 มิถุนายน 2567 มีผู้ป่วยเพิ่มอีก 5 ราย รวมปีนี้มีผู้ป่วยสะสม 1,712 ราย มีผู้เสียชีวิต 5 ราย เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า จ.นครราชสีมา มีผู้ป่วยสะสม 932 ราย มีผู้เสียชีวิต 1 ราย , จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วยสะสม 323 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย , จ.ชัยภูมิ มีผู้ป่วยสะสม 233 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และ จ.สุรินทร์ มีผู้ป่วยสะสม 224 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งกลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ อายุ 10-14 ปี รองลงมาคือ 5-9 ปี และกลุ่มอายุ 0-4 ปี ตามลำดับ
จึงขอเน้นย้ำให้ชุมชน ร่วมมือกันสำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ตามมาตรการ “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” ได้แก่ “เก็บบ้าน” ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก ,”เก็บขยะ” ภายในบริเวณบ้าน และโรงเรียนไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย,”เก็บน้ำ”เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ จะป้องกันโรคติดต่อนำโดยยุงลายได้ 3 โรคคือ ไข้เลือดออก , ไข้ปวดข้อยุงลาย และโรคติดเชื้อไวรัสซิกา
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews