Home
|
ภูมิภาค

วิกฤตขนส่งอีสานหนักต้นทุนพุ่งซ้ำเจอทุนจีนมาแข่ง

Featured Image

 

 

 

 

วิกฤตขนส่งอีสานหนัก ต้นทุนพุ่ง ซ้ำเจอทุนจีนเข้ามาแข่ง ต้องจอดรถทิ้ง 50% เพราะวิ่งขาดทุน กลุ่มรถขนส่งสินค้าอีสาน เรียกร้องรัฐปรับค่าขนส่งตามราคาน้ำมัน

 

 

 

 

นายวิชัย สว่างขจร นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน เปิดเผยว่า สถานการณ์เป็นช่วงวิกฤตที่สุดภาพรวมจำนวนสมาชิกประมาณ 700 ราย และมีรถบรรทุกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคัน ขณะนี้รถร่วม 50% ต้องแจ้งขนส่งขอจอดทั้งแบบชั่วคราวและถาวร เพื่อให้ทะเบียนยังคงอยู่และในรอบปีถูกไฟแนนซ์ตามยึดรถ 2-3 พันคัน ผลกระทบมาจากหลายปัจจัย ประกอบด้วยราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น งานจ้างขนส่งลดลง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่บริษัทหิรัญ ทรานสปอต จำกัด ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบกับนายสมพล หิรัญญสุทธิ์ ประธานสหกรณ์ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าภาคอีสาน จำกัด ซึ่งเปิดเผยว่า สำหรับสหกรณ์ฯ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการรถบรรทุกสินค้ารายย่อย ในพื้นที่ภาคอีสาน ที่ไม่มีศักยภาพในการไปแข่งขันกับรายใหญ่ รวมตัวกันเป็นกลุ่มตั้งสหกรณ์ขึ้นมา

 

เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการด้วยกันเอง ปัจจุบันมีรถบรรทุกสินค้าอยู่ในกลุ่มสหกรณ์กว่า 80 คัน และยอมรับว่ามีรถหลายคันที่ต้องจอดทิ้งไว้ เนื่องจากประสบกับปัญหาขาดทุน ซึ่งสถานการณ์ของรถขนส่งสินค้าได้รับผลกระทบอย่างหนักตั้งแต่ช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 มาแล้ว จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัว

 

เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งมีการปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว, กัมพูชา, เวียดนาม และมาเลเซีย เป็นต้น ของไทยปรับขึ้นมากกว่าเขาเท่าตัว โดยเฉพาะต้นทุนค่าตัวรถบรรทุก เมื่อไปเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศเวียดนาม ราคาหัวรถกับหางลาก ประมาณ 2 ล้านบาท แต่เมื่อมาเทียบกับไทย จะมีราคาสูงเกือบ 4 ล้านบาทเลยทีเดียว ต้นทุนต่อมาคือราคาน้ำมัน

 

ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว ตนเองได้เดินทางไปที่แขวงเซกอง สปป.ลาว พบว่าน้ำมันดีเซลที่นั่นเมื่อเทียบกับเงินบาท ขายลิตรละ 31.20 บาท ขณะที่ประเทศไทย ขายอยู่ที่ลิตรละ 33.94 บาท ซึ่งแพงกว่ากันถึง 3.70 บาท ถ้าคิดต้นทุนค่าขนส่งต่อกิโลเมตร ก็จะอยู่ประมาณกิโลเมตรละ 26-28 บาท แต่ได้รับค่าจ้างขนสินค้าเฉลี่ยกิโลเมตรละ 28-30 บาท เมื่อนำมาหักภาษีเงินได้ และการบริหารจัดการพนักงานในออฟฟิช

 

ก็แทบจะเข้าเนื้อกันแล้ว จึงทำให้ผู้ประกอบการรถบรรทุกขนส่งสินค้าต้องตัดสินใจจอดรถทิ้งไว้ เพราะถ้าวิ่งแล้วจะขาดทุน ยกเว้นบางรายที่ไม่มีภาระค่าผ่อนรถแล้ว และยังมีต้นทุนใหม่อื่นๆ อีกที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนราคาค่าแรงที่สูงขึ้น ต้นทุนมาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ที่ทางกรมการขนส่งทางบกกำหนดไว้ และต้นทุนสังคมคาร์บอนต่ำ

 

ซึ่งเป็นต้นทุนใหม่ที่ทางกรมธุรกิจพลังงานเพิ่งกำหนดมา เพื่อป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ดังนั้นเมื่อรวมต้นทุนต่างๆ เหล่านี้แล้ว หากจะให้ผู้ประกอบการต่างชาติ โดยเฉพาะจีน เข้ามาเปิดบริการแข่งขัน ภายใต้สัญญา FTA หรือข้อตกลงยกเว้นภาษีอีก ผู้ประกอบการไทยคงจะสู้ไม่ไหวแน่นอน

 

ดังนั้นทางสหกรณ์ฯ จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่า เมื่อมีการปรับราคาน้ำมันขึ้นมาแล้ว ก็ควรที่จะปรับราคาค่าขนส่งให้ด้วย เพื่อให้มีความสมดุลกัน หากไม่ปรับราคาค่าขนส่งขึ้น ผู้ประกอบการไทยจะอยู่ไม่ได้แน่นอน

 

นอกจากนี้กรณีที่มีทุนจีนมาใช้คนไทยเป็นนอมินีเพื่อที่จะเปิดบริษัทขนส่งในไทย หรือที่เรียกว่าขนส่ง 0 เหรียญนั้น ถือว่าน่าวิตกเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะเชื่อมต่อระบบขนส่งของจีนที่มาจ่ออยู่ตามประเทศเพื่อนบ้านไทย นำสินค้าเข้ามาโดยตรง ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการไทยเองที่มีต้นทุนการขนส่งแพงอยู่แล้ว ไปแข่งขันกับจีนไม่ได้เลย

 

ตนเองจึงอยากแนะนำรัฐบาลว่า เราควรใช้กลยุทธเดียวกันกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมื่อเราไปเวียดนาม เขาก็กีดกันรถบรรทุกพวงมาลัยซ้าย-ขวา โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความปลอดภัยด้านการจราจร, เข้ากัมพูชา ก็จำกัดจำนวนรถ และเข้า สปป.ลาว ให้เข้าได้เฉพาะหาง ห้ามนำหัวรถลากเข้าไป เป็นต้น ดังนั้นทางที่ดีที่สุดถ้าจะขนส่งสินค้าเข้ามาในไทย ก็ควรจะให้ไปขนถ่ายสินค้าที่ชายแดน แล้วให้รถขนส่งสินค้าของไทยไปขนถ่ายสินค้าเข้ามาดีที่สุด

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube