โควิดโผล่นครศรีฯจ่อโยงดารามอบสนามฟุตบอล
นครศรีฯ เรียกประชุมด่วนหลังพบผู้ติดเชื้อ โควิด-19 อาจโยงกลุ่มดารามอบสนามฟุตบอล-เร่งสอบสวนโรค
นายไกรสร วิศิษฎ์วงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรค ได้เรียกประชุมด่วนหลังจากที่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช 1 ราย หลังจากผลการตรวจสอบเชื้อได้ยืนยันตั้งแต่เมื่อค่ำของวานนี้ โดยที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์การพบผู้ป่วยที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่ไปร่วมกิจกรรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในจำนวนนี้มีผู้มีความเสี่ยงสูง 57 ราย มีความเสี่ยงต่ำ 157 ราย และมีผู้บริหารจำนวน 12 ราย ที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบยังไม่พบเชื้อ โดยทั้งหมดอยู่ในขั้นการกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน โดยในวันนี้ที่ประชุมได้วางมาตรการในการติดตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายที่พบล่าสุดนั้นพบว่าเป็นช่างภาพอิสระ อายุ 36 ปี ชาวอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ที่มีไทม์ไลน์เชื่อมโยงกับผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มดารา ที่ได้เดินทางมากับกลุ่มผู้บริหาร บริษัทขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ที่ได้มามอบสนามฟุตบอลที่โรงเรียนวัดมังคลาราม อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายไกรสรเผยว่า ต้องบอกว่าเรามีสมมติฐานเบื้องต้นคือผู้ป่วยไม่มีอาการ แต่มีการยืนยันเคสผู้ป่วยที่เข้ามามอบสนามฟุตบอลซึ่งอาจป่วยมาก่อน หรือกลับจากนครแล้วไปป่วย เมื่อทราบวันที่ 4 หลังจากมาที่นครศรีเมื่อ 30 มีนาคม ไปทั่วผู้ป่วยรายนี้อยู่ในไทม์ไลน์ไปตรวจจึงพบ ไทม์ไลน์ที่เสี่ยงที่สุดคือ 30 มีนาคมกลุ่มดาราที่เดินทางมาจาก กทม.
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ติดตามไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายนี้พบว่ามีไทม์ไลน์ 30 มีนาคม คือการไปร่วมงานมอบสนามฟุตบอลที่ อ.พิปูน ซึ่งกรณีนี้ได้พบผู้ป่วยยืนยันจาก กทม.เป็นผู้ประสานงานในการจัดงาน ขณะนั้นยังไม่ทราบว่ามีการติดเชื้อ 31 มีนาคม ยืนคุยกับผู้ป่วย 1 นาทีไม่สวมแมสรับประทานอาการในห้องเดียวกันแต่คนละโต๊ะ 1 เมษายน นั่งบัสคันเดียวกันจาก อำเภอขนอม ไปสนามบิน 2 เมษายน เดินทางไปรับแฟนที่ จ.สุราษฎร์ธานี 3 เม.ย.กลับมาทำงานถ่ายรูปที่ รร.ทวินโลตัส และร่วมงานมินิคอนเสิร์ตในร้านโคร๊อคถนนเทวบุรี 4-5 เมษายน เดินทางไปส่งแฟนที่ จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มมีอาการป่วย 6 เมษายน ตรวจพบเชื้อหลังไปแสดงตัวสัมผัสผู้ป่วย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news