โควิดนราฯพุ่งอีก15ราย ยอดสะสม386ราย
ผู้ติดเชื้อโควิด จ.นราธิวาส พุ่งอีก 15 ราย! ยอดสะสมเพิ่มเป็น 386 ราย ขณะจุฬาราชมนตรีประกาศงดการละหมาดวันศุกร์
วันนี้ (19 เมษายน 2564) สำนักงานสาธารณสุขจัวหวัดนราธิวาส ได้สรุปข้อมูลสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ ซึ่งพบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่เพิ่มอีก 15 ราย เป็นผู้ป่วยจากสถานที่เพื่อเข้ารับการตรวจพิสูจน์ โคกยามู ที่อยู่ในการควบคุมของสำนักงานคุมประพฤติ จ.นราธิวาส โดยคณะอนุกรรมการฟื้นฟุสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด จ.นราธิวาส ทำให้ขณะนี้ยอดสะสมของผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เพิ่มสูงขึ้นเป็น 386 รายแล้ว ขณะที่ผู้ป่วยรักษาหาย จำนวน 44 ราย ผู้เสียชีวิต 1 ราย
สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้ง 15 รายในวันนี้ พบว่าตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ระลอกใหม่เป็นต้นมา ไม่มีญาติหรือเพื่อนฝูงเดินทางเข้าเยี่ยมผู้ติดเชื้อทั้ง 15 รายนี้ ทำให้ไม่มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และหลังตรวจพบเชื้อ Covid-19 เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งหมดเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสนามแห่งที่ 2 แล้ว ขณะที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างเข้มข้น โดยได้กางเต็นท์ไว้ให้ด้านหน้าตัวอาคารของตึก Out patient department (OPD) หรือผู้ป่วยนอก สำหรับผู้ที่ต้องเข้าไปรับการรักษาโรคทั่วไป เพื่อลดความแออัดของผู้เข้ารับบริการ รวมทั้งกรณีผู้ป่วยที่หมอนัด หากต้องการรับยาเดิม ทางโรงพยาบาลจะจัดยาส่งไปให้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ใกล้บ้าน เพื่อลดปริมาณของผู้เข้ารับการรักษารายวัน และเป็นการป้องกันความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยอาการทั่วไปอีกด้วย
นอกจากนี้จุฬาราชมนตรีจึงได้มีประกาศเรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVD-19) ว่าด้วย การงดปฏิบัติศาสนกิจและกิจกรรมในเดือนรอมฏอนที่มัสยิด อีกทั้งมติเห็นชอบให้จังหวัดนราธิวาสออกประกาศ ดังนี้
1.งดการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะฮ์) การละหมาดตะรอเวียะห์ การเอี๊ยะติก๊าฟ การออกดาวะห์หรือโยร์ที่มัสยิดหรือสถานที่อื่น และงดการจัดเลี้ยงละศีลอดที่มัสยิดหรือสถานที่จัดเตรียมไว้
2.หากมีข้อความในประกาศฉบับใดขัดหรือแย้งกับข้อความในประกาศฉบับนี้ ให้ใช้ข้อความในประกาศฉบับนี้แทน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news