ผู้ว่าฯสตง.จับตาเมกกะโปรเจค168โครงการสกัดถนนนวัตกรรม

ผู้ว่า สตง.กางบัญชีเรียกเงินคืน 4 จังหวัดใต้อื้อเสียโอกาสอีกกว่า 39 ล้าน เผยจับตาเมกกะโปรเจค 168 โครงการ- สกัดทำถนนนวัตกรรมซอยซิเมนต์แล้วงบกระฉูด 1.5 กม.ค่าสร้าง 9 ล้าน สูงกว่าถนนปกติกว่าเท่าตัวกระจายทั่วประเทศ

 

 

 

 

ที่นครศรีธรรมราช เมื่อ 17 มีนาคม 2568 มีรายงานว่าเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้เข้าแถลงผลการตรวจเงินแผ่นดินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาค 14 นครศรีธรรมราชกระบี่ ตรัง พัทลุง และเนื่องในโอกาสสถาปนาสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 14 ครบ 71 ปี มีการมอบนโยบายการปฏิบัติเชิงรุกทั้งด้านการตรวจเงินแผ่นดิน การตรวจเงินรายรับภาษีและรายได้อื่นๆของแผ่นดินรวมทั้งการประชาสัมพันธ์เชิงรุกในการปฏิบัติหน้าที่เชิงผลสัมฤทธิ์ของสำนักงานตรวจแผ่นดิน

 

 

 

นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินระบุว่า ในการทำหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินกำลังติดตามตรวจสอบโครงการเมกกะโปรเจคที่มีวงเงินต่อโครงการ 500 ล้านบาทขึ้นไปในปีงบประมาณ 2568 มีจำนวน 168 โครงการซึ่งจะต้องหยิบมาตรวจเรามุ่งตรวจสอบตั้งแต่ต้นโครงการเช่นถนนสายสำคัญๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการได้งบมาจนถึงการประเมินความเสี่ยง ทีโออาร์ จัดซื้อจัดจ้างบริหารสัญญา เราไม่อยากให้ข้าราชการดีๆมีเจตนาดีมีโอกาสติดคุก

 

 

 

“เรายังพบเรื่องงบอุดหนุนจากกระทรวงที่โยกไปให้ท้องถิ่นก่อสร้างถนนโดยใช้เทโนโลยีนวัตกรรม คือโพลลีเมอร์มาผสมซอยซีเมนต์ งบประมาณถ้าเป็นมาตรฐาน 1.5 กม.คือ 4-5 ล้าน แต่นวัตกรรมที่ว่าคือ 9 ล้านนี่คือความต่างเมื่อเราตรวจเห็นว่าเงินอุดหนุนประเภทนี้ไปทำถนนมันมีทั่วประเทศเมื่อพบเราจึงให้หยุดและทำไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ทบทวน นี่คือการป้องกันการสูญเสียมหาศาล ถ้าทำทั้งประเทศรัฐต้องเสียเพิ่มขึ้นเท่าไหร่แต่ถ้าเราหยุดจะทำให้ ถนนได้เพิ่มอีก 2-3 เท่านี่คือการมุ่งผลสัมฤทธิ์” ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินกล่าว

 

 

 

ว่าที่ ร.อ.บุญมา แก้วล้วน ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจแผ่นดินภูมิภาค 14 ระบุว่าหลังจากนี้จะมีการเปิดเผยข้อมูลเชิงประจักษ์ในผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของ 4 จังหวัดในอำนาจของ สตภ.14 จากผลการตรวจเงิน ในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมาได้ตรวจส่วนราชการ อปท. และหน่วยงานอื่นๆใน 4 จังหวัดจำนวน 1,198 หน่วย รับวงเงินจัดสรร 77,389.58 ล้านบาท

 

 

 

ในจำนวนนี้มีมูลค่าความเสียหายที่เรียกคืนเงิน และรายได้ที่ต้องจัดเก็บเพิ่ม 20.88 ล้านบาท และมูลค่าเสียโอกาสสูงถึง 39.99 ล้านบาทส่วนผลการตรวจที่สำคัญคือ 1.สตง.ได้เรียกให้เทศบาลนครตรังให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการจัดเก็บรายได้ไม่ครบถ้วนจำนวน 1.36 ล้านบาท ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้อง
2.เรียกให้วิทยาลัยการเกษตรเทคโนโลยีพัทลุง ดำเนินการทางวินัยกับผู้เกี่ยวข้องและให้ชดใช้ค่าเสียกาย 232,803 บาท พร้อมส่งเรื่องไปยัง ปปช. 3.เรียกอบต.คลองยา

 

 

 

จากโครงการก่อสร้างถนน คสล.กำหนดราคาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ก่อสร้าง ให้ชดใช้ค่าเสียหาย 431,553 บาท ดำเนินการทางวินัยและส่งคดีให้ ปปช. 4.ให้เทศบาลนครนครศรีธรรมราชเรียกเงินคืนจากข้าราชการในสังกัดจำนวน 7 ราย ในฐานะผู้ขอใช้สิทธิเบิกเงินค่าเช่าบ้านตามรายละเอียดปลีกย่อย มีการเบิกจ่ายไม่ถูกต้องจำนวน 15,000 บาท ให้เรียกเงินคืน และตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตรวจสอบการเบิกเกินสิทธิมาตั้งแต่เมื่อใด จำนวนเงินเท่าใด และให้ตรวจสอบข้าราชการที่เบิกจ่ายค่าเช่าบ้านในสังกัดทั้งหมด

 

 

 

5.ให้ อบจ.ตรังดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการ กรณีไม่ได้จัดที่พักที่มีสิทธิเบิกค่าเช้าบ้านเข้าพักตามสิทธิ ทั้งที่มีที่พักพร้อมใช้งาน แต่ให้เบิกค่าเช่าบ้านทำให้เกิดความเสียหานแก่ อบจ.ตรัง332,203 บาท ให้ดำเนินการทางวินัยกับคณะกรรมการบริหารจัดการที่พักและให้ชดใช้ค่าเสียหาย 6.อบต.นาเขลียง เบิกจ่ายเงินโดยไม่มีหลักฐานให้ตรวจสอบ จำนวน 5,015,623 บาท

 

 

 

ให้ดำเนินการทางวินัยกับ ผอ.กองคลัง ให้ชดใช้ค่าเสียหาย และให้ส่งคดีไปยัง ปปช. 7.จังหวัดตรัง พบการปรับปรุงคุณภาพน้ำร่วมกับระบบประปาจำนวน 30 โครงการ วงเงิน18,450,000 บาท ไม่สามารถใช้การได้จำนวน 22 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 73 มูลค่าที่ไม่สามารถใช้การได้ 14,322,000 บาท และ 8 .เป็นจังหวัดตรังเช่นเดียวกันในโครงการยกระดับ และพัฒนาการท่องเที่ยวคุณภาพสูง มีการก่อสร้างไม่เป็นไปตามสัญญา ไม่เป็นไปตามทีโออาร์ ไม่ตรงสเป็ควัสดุ มี่ตรงปริมาณงาน ให้ชดใช้จำนวน 331,997 บาท ให้ดำเนินการทางวินัยกับผู้ควบคุม และผู้ตรวจรับ

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews