มทร.อีสาน พบนักศึกษาติดเชื้อโควิด-19 เร่งติดตามนักศึกษา บุคลากรกลุ่มเสี่ยง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ( มทร.อีสาน ) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดนครราชสีมา มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นกว่าระลอกก่อนอย่างมาก มทร.อีสาน จึงได้ออกประกาศปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 13 – 30 เมษายน 2564 โดยให้บุคลากรและนักศึกษาปฏิบัติตามมาตรการป้องการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และติดตามข่าวสารสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิด ส่วนแนวทางการจัดการเรียนการสอนและการปฏิบัติงานในช่วงการแพร่ระบาดให้เป็นรูปแบบออนไลน์ 100 เปอร์เซ็นต์ ให้บุคลากรปฏิบัติงานที่บ้านหรืออาจผลัดเปลี่ยนกันมาปฏิบัติหน้าที่ในมหาวิทยาลัยตามความจำเป็น รวมถึง ขอความร่วมมือบุคลากรและนักศึกษา งดเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือหากบุคคลใดเดินทางมาจากที่เสี่ยงให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุขประจำพื้นที่ พร้อมสังเกตอาการตนเองเป็นเวลา 14 วัน สำหรับร้านค้าภายในมหาวิทยาลัยฯ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงไม่อนุญาตให้บริการส่งของทุกประเภทเข้าไปในอาคารต่างๆ ภายในมหาวิยาลัย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้สถานที่มีความปลอดภัยอยู่เสมอ
ซึ่งภายหลังจากการสำรวจบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัย พบว่า มีนักศึกษาติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรักษาที่โรงพยาบาลเทพรัตน์ ต.โคกกรวด อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา มีผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 1 ราย ซึ่งเบื้องต้นได้ทำการกักตัวและตรวจหาเชื้อโควิด-19แล้ว พบว่า ผลเป็นลบ อย่างไรก็ตาม มทร.อีสาน จะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง รวมถึง จะพัฒนาระบบมหาวิทยาลัยให้รองรับกับความต้องการด้านต่างๆ ของนักศึกษาช่วงการเรียนออนไลน์ในภาคการศึกษาฤดูร้อนนี้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยขอให้บุคลากรและนักศึกษาป้องกันตนเองให้ดี งดไปพื้นที่เสี่ยงสูง งดการรวมตัวกัน ใส่หน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ขอให้ช่วยกันมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้ด้วยดี ผศ.ดร.วิโรจน์ฯ กล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news