เพชรบูรณ์ ลุ้นอีก! สแกนหาผู้ติดเชื้อเพิ่ม หลังพบญาติเฝ้าไข้คนป่วยเตียงข้างหญิงชราติดโควิด
ความคืบหน้าคลัสเตอร์หญิงชรา 73 ปี ติด โควิด ระหว่างนอนรักษาพยาบาลที่ รพ.เพชรบูรณ์ กระทั่งต้องปิดตึกหอผู้ป่วย งดรับผู้ป่วยใหม่นอกจากรายฉุกเฉิน ตรวจหาเชื้อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เสี่ยงสัมผัส แม้จะไม่พบเชื้อแต่ก็ยังต้องมีการกักตัวเพื่อสังเกตอาการครบ 14 วัน อย่างไรก็ตามล่าสุดจากการขยายผลการตรวจหาผู้ติดเชื้อวงกว้าง รพ.เพชรบูรณ์ยังตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมในคลัสเตอร์นี้อีกราย โดยผู้ติดเชื้อรายนี้เป็นชาย
ซึ่งเป็นผู้ที่มาเฝ้าไข้ผู้ป่วยเตียงข้างหญิงชราดังกล่าว อยู่ที่บ้านพลำ ต.ป่าเลา อ.เมืองเพชรบูรณ์ ทำทีมสสอ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมทีมรพ.เพชรบูรณ์ ลงพื้นที่เพื่อตรวจหาเชื้อผู้เสี่ยงสัมผัสกับชายผู้ติดเชื้อรายนี้อีกเกือบ 30 ราย ในขณะที่ ณ เวลานี้ทุกคนต่างเฝ้ารอลุ้นผลตรวจเชื้อผู้เสี่ยงสัมผัสกลุ่มนี้อยู่หากผลตรวจไม่พบเชื้อเพิ่มเติมโดยเฉพาะหากพ้นวันที่ 10 พ.ค.ทางทีมเจ้าหน้าที่ต่างพากันเบาใจและเชื้อว่าสามารถสกัดกั้นการแพร่กระจายเชื้อหรือปิดจ๊อบคลัสเตอร์หญิงชราติดโควิดรายนี้ลงไปได้ โดยสรุปคลัสเตอร์นี้มีการสแกนหาผู้ติดเชื้อที่ในกลุ่มผู้เสี่ยงสูง เสี่ยงกลางและเสี่ยงสูงราวเกือบ 200 รายโดยพบผู้ติดเชื้อ 2 ราย
ผอ.รพ.เพชรบูรณ์ สั่งยกระดับแผนสกัดและป้องกันการกระจายเชื้อของโรงพยาบาลเป็นระดับ 4 โดยประกาศใช้ 5 มาตรการ อาทิ สั่งปิดหอผู้ป่วยตึกอายุรกรรมหญิง1, งดรับผู้ป่วยนอกยกเว้นเคสฉุกเฉิน, สั่งตรวจสแกนหาเชื้อแพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมให้กักตัวสังเกตอาการ, เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม(สนามกีฬากลาง) หลังองค์พระใหญ่ ต.สะเดียง อ เมืองเพชรบูรณ์ ฯลฯ ทำให้ล่าสุดมีผู้ป่วยโควิดหลังเข้ารักษาที่ รพ.เพชรบูรณ์ผ่านไป 7 วัน รวม 9 คน โดยมีชาย 7 คน หญิง 2 คนถูกเคลื่อนย้ายไปพักรักษาที่รพ.สนาม และหากครบ 14 วัน หลังแพทย์ตรวจไม่พบเชื้อและอาการเป็นปกติ ทีมแพทย์ก็จะอนุญาตให้ผู้ป่วยเหล่านี้กลับบ้านได้ แต่ยังสั่งให้ยังต้องกลับไปกักตัวเองอีก 14 วัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับครอบครัวและชุมชนด้วย และล่าสุด วันนี้(8พ.ค.)มี ผู้ป่วยโควิด รวม 2 คนเป็นชาย 1 หญิง 1 ที่พักรักษาตัวที่ รพ.สนาม
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news