“อนุทิน” เผย กรมควบคุมโรค เตรียมวางแนวทางรับประชาชนทั่วไปวอล์คอินเข้า ฉีดวัคซีน โควิด 19 เริ่ม เดือนมิถุนายนนี้ หลังแอสตร้าเซเนกา ทยอยส่งวัคซีนจนครบ 61 ล้านโดส
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ทุกวันนี้สาธารณสุขทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนจะต้องมีการปรับแผนการ ฉีดวัคซีน กับกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ นั้นมองว่า ถ้าวัคซีนเข้ามาในประเทศเพิ่มขึ้น ก็จะครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งการประจายวัคซีนก็จะมีเพิ่มมากขึ้น ไปด้วย ไม่เหมือน 3-4 เดือนที่ผ่านมา ที่ได้วัคซีนมาเพื่อประคองสถานการณ์ แต่หลังวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป วัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซเนกาก็จะส่งมอบตามสัญญา ตามสัญญาที่ทำไว้กับประเทศไทยในทุกๆเดือน จนครบ 61 ล้านโดส ซึ่งนั่นหมายความว่า จะมีจำนวนวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นการที่ตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้ก็คือการจัดลำดับก่อนหลังเพียงเท่านั้น และหลังจากนี้ รัฐบาลมีแนวคิดไปแล้วว่าจะให้ประชาชนวอล์คอินเข้าฉีดวัคซีนได้ นั้นหมายความว่าวัคซีนมีเพียงพอ โดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้ทางกรมควบคุมโรคก็จะไปหาวิธีในการแจ้งประชาชน ว่าแต่ละหน่วยจะมีโควต้าให้ประชาชนได้เท่าไร เพื่อจะได้ไม่มีเสียเวลา
ภาคเอกชนเชียงใหม่ กว่า 1.7 แสนคน แจงยอดความต้องการฉีดวัคซีน ส่วนจองผู้สูงอายุแค่ 49,995 ราย
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ รายงานว่า ประชาชนชาวเชียงใหม่ ได้ลงชื่อจองฉีดวัคซีนแล้ว ทั้งสิ้น 49,995 ราย แยกเป็นผู้ที่จองผ่านระบบ “หมอพร้อม” 41,860 ราย และจองคิวผ่านโรงพยาบาล, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และ อสม. จำนวน 8,135 ราย ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนรอบนี้ มีทั้งสิ้น 612,550 ราย แยกเป็น ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 430,356 ราย กลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 182,194 ราย
ทั้งนี้ มีรายงานเบื้องต้นว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. จังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรพันธมิตร ได้แจ้งความต้องการรรับวัคซีนภาคเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ มีอยู่ราว 177,050 คน แยกเป็น สมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ 420 กิจการ 20,000 คน หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ 817 กิจการ 30,000 คน ชมรมธนาคารจังหวัดเชียงใหม่ 18 กิจการ 3,800 คน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ และองค์กรพันธมิตร 700 กิจการ 20,000 คน สมาคมส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทย จังหวัดเชียงใหม่ 625 กิจการ 6,250 คน สมาคมผู้ผลิตและส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือ (NOHMEX) 250 กิจการ 12,000 คน สมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดเชียงใหม่ 155 กิจการ 5,000 คน และสมาคมร้านอาหาร และสถานบันเทิงเชียงใหม่ 14,751 กิจการ 80,000 คน
นอกจากนี้ ยังมีชมรมธุรกิจรถเช่าจังหวัดเชียงใหม่ อีก 131 คน ซึ่งแจ้งความประสงค์แล้วว่า พร้อมฉีดวัคซีน
โฆษก ยืนยัน บุคลากรทางการแพทย์เข้ารับวัคซีนเกือบหมดแล้ว ย้ำรัฐบาลดูแลค่ารักษาพยาบาลกับผู้ป่วยโควิดอย่างเต็มที่ตามสิทธิ์
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (11พ.ค.64) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีมติอนุมัติให้การฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติเพื่อรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นและสร้างความเชื่อมั่น ว่ารัฐบาลจะสามารถจัดหาวัคซีนทันต่อสถานการณ์และรวดเร็ว โดยในที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชิญชวนประชาชน ออกมาฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และลดความรุนแรงจากการติดเชื้อ เพื่อขับเคลื่อนในด้านของการเปิดประเทศ และใช้ชีวิตได้อย่างเดิม พร้อมยืนยันว่าจากผลการฉีดวัคซีนทั่วโลกพบผลข้างเคียงน้อยมาก
โดยนายอนุชา ยืนยันว่า ขณะนี้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ส่วนมากได้รับการฉีดวัคซีนครบเกือบทั้งหมดแล้วอีกทั้งยังมีการลงทะเบียนผ่านไลน์หมอพร้อม ในกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลจะเดินหน้าฉีดเพิ่มเติม ให้กับบุคลากรส่วนอื่นๆโดยประสานขอความร่วมมือจากภาคเอกชน อาทิ ผู้ที่เดินทางบ่อยหรือต้องพบปะกับคนจำนวนมากๆ เช่น พนักงานส่งของ, ผู้ขับรถสาธารณะ, พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ, ผู้ให้บริการในร้านอาหาร และพนักงานด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม เป็นต้น
ซึ่งรัฐบาลมีความมุ่งมั่นว่าในเดือน มิ.ย. จะสามารถปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกได้ซึ่งจะเปิดให้องค์กรต่างๆจัดสรรพนักงานที่มีความเสี่ยงทยอยเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งในส่วนของกรุงเทพมหานครได้จัดตั้ง 14 ศูนย์ และจะเดินหน้าเพิ่มเติมเป็น 25 ศูนย์ เพื่อให้บริการกับประชาชนทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑลด้วย
นายอนุชา ยืนยันว่า รัฐบาลจะให้ความดูแลค่ารักษาพยาบาล กับประชาชนที่ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเต็มที่ตามสิทธิ์ ตั้งแต่การตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงการฉีดวัคซีนการชดเชย ในกรณีที่ได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน และการรักษาพยาบาลทั้งในส่วนของโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน
ขณะที่ โรงพยาบาลบุษราคัม ที่อิมแพคเมืองทองธานีนั้น จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเหลือง ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการรุนแรง ซึ่งพร้อมรับผู้ป่วยแล้ว 1,092 เตียง
“พีระวิทย์” เรียกร้องนายกฯถ่ายโอนอำนาจให้คณะแพทย์ เพื่อดูแลเรื่องโควิดโดยเฉพาะ มีอำนาจเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ถึงข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับเรื่องวัคซีน
นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทรักธรรม กล่าวถึงการรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด19 ว่า โดยสัญชาตญาณของมนุษย์ เมื่อแพทย์วินิจฉัยหรือสั่งการอย่างไรทุกคนก็จะปฏิบัติตาม ดังนั้นตนจึงอยากเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ถ่ายโอนอำนาจให้กับคณะแพทย์ที่ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลเรื่องของโรคโควิด19โดยเฉพาะ โดยให้คณะแพทย์ได้มีอำนาจหน้าที่ในการที่จะออกเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ถึงข้อดีและข้อเสียเกี่ยวกับเรื่องวัคซีน เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนในการตัดสินใจ
ส่วนนายกรัฐมนตรี ควรจะอยู่เฉยๆ ไม่ต้องออกมารณรงค์ มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน จัดสรรวัคซีนตามที่คณะแพทย์แนะนำน่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ดีกว่า อยากให้ยอมรับความน่าเชื่อถือของคณะแพทย์ แล้วมันจะไปต่อได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news