“หมอโอภาส” ชี้ การ ฉีดวัคซีน แบบวอล์คอินต้องจำกัดจำนวนคนต่อวัน เพื่อความปลอดภัย ประชาชนทั่วไปเริ่มฉีดอย่างเป็นทางการ มิ.ย.นี้
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวผ่านรายการ NBT รวมใจสู้ภัยโควิด-19 @ทำเนียบรัฐบาล กล่าวถึงการเข้ารับการ ฉีดวัคซีน แบบวอล์คอิน ว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการการฉีดวัคซีนให้สอดคล้องกับสถานการณ์
โดยกำหนดให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน ได้ 3 รูปแบบ คือ นัดหมายผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม, นัดหมายโดยตรงกับโรงพยาบาล อสม. หรือผ่านองค์กร และการวอล์คอิน โดยรัฐบาลจะเริ่มฉีดให้ประชาชนทั่วไปอย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย.
ส่วนในช่วงนี้ จะเป็นการทดลองการฉีด เนื่องจากในกลางเดือน พ.ค. จะมีวัคซีนเข้ามาเร็วกว่ากำหนด จากเดิมที่จะเข้ามาในเดือน มิ.ย. จำนวน 3 ล้านโดส จึงจะมีการเปิดทดลองฉีดในสถานที่ต่างๆ
โดยนพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนแบบวอล์คอิน จะให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์และสถานที่การฉีด โดยสาธารณสุข ต้องการให้เป็นสถานที่กว้างขวาง เดินทางสะดวก มีที่จอดรถ เช่น สถานีกลางบางซื่อ หรือสามย่านมิตรทาวน์ เป็นต้น
เบื้องต้นรูปแบบการวอล์คอิน ประชาชนจะต้อง นำบัตรประชาชนมายืนยันตัวตน ส่วนการกำหนดจุดและปริมาณการฉีดวัคซีนแต่ละวัน จะมีการแจ้งให้ทราบ เช่น มีการเปิดให้ฉีด 200 คน ซึ่งคนที่วอล์คอินมา จะได้ฉีดตามที่กำหนด หากคนที่มาหลังจากครบที่กำหนดของแต่ละจุด จะได้รับบัตรคิวเพื่อจะมาฉีดวัคซีนในวันที่นัดหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม รูปแบบที่ภาครัฐเปิดให้เข้ารับการฉีดวัคซีนมี 3 รูปแบบ และหากเป็นไปได้อยากให้ประชาชนลงทะเบียนการฉีดวัคซีนผ่านแอปพลิเคชั่นหมอพร้อม ซึ่งจะง่ายต่อการบริหารจัดการ นอกจากนี้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18-59 ปี จะมีการเปิดให้ลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมเพื่อรับการฉีดวัคซีนเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า ซึ่งต้องรอประกาศอีกครั้ง
ทั้งนี้ นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ทางรัฐบาลต้องการให้คนในประเทศไทยเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยหลักการชาวต่างชาติก็สามารถวอล์คอินได้ ซึ่งจะมีการพูดคุยกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหาจุดฉีดแยกเฉพาะออกไป เนื่องจากต้องใช้พาสปอร์ตในการแสดงตน ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะไม่คุ้นเคย ส่วนกรณีผู้หญิงตั้งครรภ์สามารถฉีดวัคซีนได้หรือไม่
นพ.โอภาส ระบุว่า อยากให้ป้องกันด้วยวิธีอื่นไปก่อน เนื่องจากยังไม่มีผลวิจัยยืนยัน ในเรื่องความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนของผู้ตั้งครรภ์ แต่แม่ที่ให้นมบุตรสามารถฉีดวัคซีนได้ ขณะที่เยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ขอให้รอฉีดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งมีการพูดคุยกับตัวแทนวัคซีนไฟเซอร์แล้ว และจะมีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ ที่สามารถฉีดให้กับบุคคลตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไปได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news