อธิบดีกรมอนามัย ย้ำ ร้านอาหารต้องอยู่ภายใต้มาตรการเข้มงวด นั่งทานในร้านงดพูดคุย ถอดหน้ากากแค่เวลาทานอาหารเท่านั้น
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีที่ ศบค. ประกาศมาตรการผ่อนคลายสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม ให้ร้านอาหาร สามารถนั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 25% และไม่เกิน 21.00 น. ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ว่าย้ำว่าการผ่อนคลายนั้นยังอยู่ภายใต้มาตรการเข้มงวด ซึ่งในส่วนของร้านอาหาร ก็ต้องกำหนดมาตรการอย่างเคร่งครัดในบางเรื่อง และร้านต้องประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริการเข้าใจว่าช่วงนี้ยังคงเข้มงวดอยู่ เช่น การงดการพูดคุย ต้องกำหนดว่าถอดหน้ากากแค่ในช่วงระหว่างที่รับประทานเท่านั้น การจัดโต๊ะให้เหมาะสมโดยเลี่ยงไม่ให้เผชิญหน้ากัน อาจจัดให้นั่งเยื้องกัน หรือการทำฉากกั้น เพื่อลดการสัมผัสหรือลดการติดเชื้อ
โดยนพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีหลายคนตั้งคำถามว่า หากไปเป็นครอบครัวต้องแยกโต๊ะกันหรือไม่นั้น ต้องชี้แจงว่าในข้อกำหนดพูดชัดในการจำกัดจำนวนคนไม่ให้เกินร้อยละ 25 หมายความว่า เดิมร้านจดทะเบียนรับได้ 100 คน ก็ต้องลดเหลือไม่เกิน 25 คน และพร้อมกำหนดมาตรการอื่นๆ เช่น จัดโต๊ะเว้น 1-2 เมตร ลดรูปแบบการบริการบางอย่าง เพื่อลดการสัมผัส เช่น ลดการกินแบบบุฟเฟ่ต์หรือแบบโต๊ะจีน ดังนั้นแต่ละร้านสามารถนำหลักการเหล่านี้ไปปรับให้เหมาะสมได้ ส่วนหากเป็นครอบครัวเดียวกันมารับประทานอาหารนั้น การกำหนดมาตรการไม่ได้เลือกปฏิบัติ ว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่กำหนดเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ซึ่งร้านไม่สามารถรู้ได้ว่าลูกค้าที่เข้ามา มาจากรถคันเดียวกันหรือครอบครัวเดียวกันหรือไม่ ซึ่งการพิสูจน์แยกแยะค่อนข้างยาก
ทั้งนี้นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ในสภาวะพื้นที่สีแดงเข้มเราไม่อาจรู้ได้ว่าใครติดเชื้อบ้าง ซึ่งหากให้คนในครอบครัวเดียวกันนั่งรวมกันจะพูดคุยกันมากขึ้นใช่หรือไม่ ดังนั้นร้านไม่รู้ว่าว่าใครจะมีความเสี่ยง และยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้โต๊ะรอบข้างและพื้นที่สาธารณะอีกด้วย ดังนั้นถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม จึงขอให้ถือปฏิบัติเช่นนี้เคร่งครัดไปก่อน หากสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะมีการผ่อนคลายต่อไป ทั้งนี้ประชาชนหากพบเห็นสถานประกอบการใดไม่ดำเนินการตามมาตรการให้แจ้งมายังกรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุขได้ทันที
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news