ผู้ว่าฯ กทม. เยี่ยมจุดบริการฉีด วัคซีนโควิด Big C บางบอน เตรียมเปิด web based จองคิวฉีดวัคซีน ตั้งเป้า 2.5 ล้านคน/เดือน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมจุดบริการฉีด วัคซีนโควิด นอก โรงพยาบาล “หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร – หอการค้าไทย” ณ บริเวณ ชั้น 2 บิ๊กซี บางบอน เขตบางบอน ว่า การทดลองเปิดระบบ “ศูนย์บริการวัคซีนบิ๊กซี บางบอน” ในวันนี้ดำเนินการโดยความร่วมมือกับโรงพยาบาลเครือบางปะกอก ซึ่งมีการเตรียมระบบให้วัคซีนที่ปลอดภัย และครบถ้วนในทุกขั้นตอน จนถึงการดูแลและสังเกตอาการ
โดยตั้งเป้าหมายในการให้บริการฉีดวัคซีน จำนวน 2,500 – 3,000 คน/วัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. -16.30 น. สำหรับกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อสูง ได้แก่ บุคลากรส่วนหน้าและอาชีพที่มีความเสี่ยงต้องให้บริการประชาชนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่สำนักอนามัยได้นำเข้าข้อมูลไว้ในระบบของ กทม. และต่อไปจะให้บริการวัคซีนแก่ผู้ที่ขับรถยนต์สาธารณะ พนักงานเก็บค่าโดยสารสาธารณะ จากบริษัทขนส่งต่างๆ ซึ่งมีประมาณ 7,000 คน รวมถึงจะฉีดวัคซีนให้กับพนักงานเก็บขน พนักงานกวาด จากสำนักงานเขต คนขับแท็กซี่ วินจักรยานยนต์ พนักงานขนส่งอาหารต่างๆ ผู้มีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ กลุ่มเป้าหมายต่อไปคือบุคลากรครูในกรุงเทพฯ ซึ่งมีประมาณ 170,000 คน และกลุ่มอาชีพเสี่ยงอื่น ๆ จะได้รับการพิจารณาให้ได้รับวัคซีน ในลำดับถัดมา ขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรร โดยกทม. จะเร่งขยายสถานที่ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลให้ครบตามเป้าหมาย 25 แห่ง ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเดินทางมาฉีดวัคซีน โดยภายในวันที่ 31 พ.ค.64
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.64 กรุงเทพมหานครจะได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข เดือนละ 2.5 ล้านโด๊ส รวม 2 เดือน 5 ล้านโด๊ส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ กรุงเทพมหานคร เร่งดำเนินการฉีดให้แล้วเสร็จภายใน 2 เดือน(มิ.ย.-ก.ค.) กทม. มีแผนบริหารจัดการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 2.5 ล้านคน/เดือน โดยจะกระจายการฉีดวัคซีนทั้งภายในโรงพยาบาลทั้ง 126 แห่ง ซึ่งมีศักยภาพในการฉีดไม่น้อยกว่าวันละ 20,000 คน และจุดบริการฉีดวัคซีนนอกรพ. 25 แห่ง มีศักยภาพในการฉีดวันละ 38,000 – 50,000 คน/วัน คาดการณ์ว่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่น้อยกว่า 60,000 คน/วัน โดยผู้ที่ได้รับการฉีดจะเป็นประชาชนทั่วไป คาดว่าน่าจะครบ 5 ล้านคนตามเป้าหมายที่กำหนด
“อนุทิน” แจง จองรับวัคซีนโควิด -9 ยังเป็นช่องทางให้บริการหลัก ส่วน วอล์คอิน แค่ส่วนเสริม
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในเดือน มิ.ย. ที่วัคซีนแอสตราเซนเนกา จะเริ่มทยอยส่งมอบให้ประเทศไทยตามกำหนด แต่แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นไปตามความสมัครใจ ก็ขอเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับตนเองคนในครอบครัวของท่าน และยังถือเป็นการช่วยชาติควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เตรียมแผนกระจายวัคซีน 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1.ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม 2.โรงพยาบาล นัดผู้ป่วยตามประวัติรักษาโรค และสำหรับผู้ที่ไม่มีมือถือ จะมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เคาะประตูบ้าน ลงทะเบียนให้ และ 3.การฉีดในองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยทำเรื่องส่งรายชื่อมายังกรมควบคุมโรค เพื่อจัดลำดับ นัดวันและสถานที่ เข้าไปรับการฉีด และอีกรูปแบบคือ องค์กรจัดเตรียมสถานที่ และออกค่าใช้จ่ายจ้างบุคลากรจาก รพ.เอกชนมาฉีด ทางกระทรวงฯ ก็จะส่งวัคซีนไปให้
ส่วนการวอล์คอิน เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 นายอนุทิน กล่าวว่า คนมีความต้องการฉีดมาก เพื่อความรวดเร็วพยาบาลจะเตรียมฉีดให้กับผู้ที่จองคิวไว้ในแต่ละวันแต่ต้องมาดูที่หน้างาน ถ้าคนที่จองคิวมาแล้ว พอถึงวันจริงอาจจะไม่ว่าง หรือ มาแล้วอาจจะไม่ได้ฉีด เช่น ความดันสูงเพราะตื่นเต้น รวมถึงบางคนอาจจะได้รับการฉีดจากช่องทางอื่นแล้ว เช่น บริษัทพาไปฉีดแล้ว ลงทะเบียนกับ อสม. และได้ฉีดไปแล้ว หรือต่างๆ ก็จะทำให้มีวัคซีน ซึ่งไม่ได้ใช้
และอย่างที่ทราบกันว่า วัคซีนไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน ต้องหาทางนำมาบริการตามกำหนดเวลา ดังนั้น ก็จะนำส่วนนี้ฉีดให้กับผู้ที่วอล์คอิน ซึ่งไม่ได้จองคิวล่วงหน้าได้ แต่ถ้าวอล์คอินมาแล้วไม่มีวัคซีนว่างในวันนั้น ก็สามารถทำการนัดเพื่อมาฉีดในวันหลัง ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนรับบริการ จะได้รับสิทธิ์ก่อน ดังนั้น ขอให้ประชาชนลงทะเบียนตามระบบ ส่วนวอล์คอิน เป็นช่องทางเสริมเท่านั้น
สำหรับแผนการให้บริการวัคซีน ต้องปรับเปลี่ยนได้ ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติจริง กระทรวงฯ รับแนวทางมาจาก ศบค. แต่ก็พร้อมเสนอแนวทางเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ถึงหน้างานเราก็ต้องปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมด้วย ทุกคนช่วยกันทำงาน
ศบค. รับ คลัสเตอร์แคมป์คนงาน หลักสี่ ยังมีความน่าเป็นห่วง
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวถึง กรณีแคมป์คนงานหลักสี่ ว่า จากรายงาน เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.64) พบผู้ติดเชื้อ 885 คน ส่วนวันนี้มีการตรวจเพิ่มขึ้น จำนวน 1,667 คน พบการติดเชื้อ 1,107 คน คิดเป็น 66.41% และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 586 คน นอกจากนี้ จำนวนเขตที่เฝ้าระวัง คือ 19 เขต ซึ่งมี 29 คลัสเตอร์ และมี 22 คลัสเตอร์ ที่แอคทีฟอยู่และต้องเฝ้าระวังสูงสุด ซึ่ง คลัสเตอร์แคมป์คนงาน เขตหลักสี่ ยังคงมีความน่าเป็นห่วง เนื่องจากวันนี้มีการตรวจหาเชื้อจำนวน 1,667 ราย พบติดเชื้อ 1,107 ราย และพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกว่า 586 ราย
ซึ่งในส่วนของเรือนจำ มีการตรวจหาเชื้อ และพบว่าขณะนี้ติดเชื้อ รวม 11,428 ราย ซึ่งยังต้องติดตามต่อไป ทั้งนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ ระบุ ว่า ขณะนี้ ยังคงมีการสังสรรค์ใกล้ชิดกัน เช่น เล่นสนุกเกอร์ อาจทำให้มีการติดเชื้อกันได้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news