ศปก.ศบค. สั่งกทม.เข้มพื้นที่เสี่ยง โควิด19 มาตรการBubble and seal ให้คำนึงถึงผลควบคุมโรค ขณะพบคลัสเตอร์ใหม่ ที่ สมุทรปราการ – จับตาด่านสระแก้ว
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด19 หรือ ศบค. เผยว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค. ได้มีการพูดคุยในพื้นที่ กทม. โดย ผอ.ศบค. และ ผอ.ศปก.ศบค.ได้สั่งการให้มีการดู และกำหนดความเข้มงวดเป็นจุดๆ ซึ่งได้มีการเรียนรู้จากสถานที่เสี่ยง เช่น ที่ตลาด แคมป์ก่อสร้าง รวมถึงชุมชนแออัด ที่ยังคงพบการแพร่ระบาดมาเรื่อยๆ จึงให้จัดให้มีการเฉพาะเจาะจงพื้นที่ โดยให้ศบค.กทม.แบ่งเป็นกลุ่มเขต
ส่วนกรณีของมาตรการต้องปิดหรือการทำ Bubble and seal ขอให้มีการพิจารณา โดยคำนึงถึงผลควบคุมโรค แต่ถ้าผลในด้านนี้ก่อให้เกิดผลทางสังคม เช่น การปิดแคมป์ หรือปิดตลาด จะทำให้แรงงานที่เคยทำงานอยู่ไม่มีงานทำ คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงหรือที่สัมผัสโรค ก็จะไม่ได้อยู่ในบริเวณนั้นและกระจายออกไป ก็อาจจะนำพาโรคออกไปเขตอื่นได้ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจตอนนี้เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทำให้ขับเคลื่อนได้ ดังนั้นมาตรการการปิดไม่ได้เป็นคำตอบทุกอย่าง
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค. ได้มีการหารือกันถึงพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่ติดกับประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายงานว่ามีคนเดินทางเข้ามากว่าพันคน และพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ซึ่งผู้ติดเชื้อต้องเข้าโรงพยาบาลสนาม และคนที่ไม่ป่วยต้องมี Local Quarantine หรือสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ในพื้นที่
ซึ่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดสระแก้ว ได้ร่วมประชุมคอนเฟอเรนซ์เข้ามาว่า Local Quarantine อาจไม่เพียงพอ จึงขอพื้นที่เพิ่มเติมอาจเป็นจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบที่จะช่วยการสนับสนุน โดยจะมีการเตรียมพื้นที่รอบๆ ให้เพื่อการดูแลคนที่เดินทางกลับเข้ามาตามช่องทางผ่านแดนต่อไป
ทั้งนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า สรุปสถานการณ์ภาพรวม พบคลัสเตอร์ใหม่ ที่ จ.สมุทรปราการ พื้นที่บางบ่อโรงงานอาหารแช่แข็ง พบผู้ติดเชื้อ แล้ว 55 ราย
ส่วนการติดเชื้อในภาพรวมลดลง แต่กรุงเทพฯและปริมณฑล ยังพบผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องการเดินทางผ่านด่านชายแดน โดยเฉพาะกัมพูชาและมาเลเซีย ต้องมีความเข้มงวด เพราะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงอยู่ ขณะที่สถานที่เสี่ยงยังคงเป็นโรงงาน แคมป์ก่อสร้าง ตลาดชุมชนแออัด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news