ศบค. เผย พบ 3 คลัสเตอร์ใหม่พื้นที่ กทม. เฝ้าระวังรวม 99 คลัสเตอร์ เน้นย้ำดูแลมาตรการอย่างเข้มงวด
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยว่า กรุงเทพมหานคร พบคลัสเตอร์ใหม่ 3 คลัสเตอร์ รวมคลัสเตอร์เฝ้าระวังทั้งหมด 99 คลัสเตอร์ กระจายไป 42 เขตจาก 50 เขต โดยพบที่เขตบางกะปิ ที่แคมป์ก่อสร้างทำการตรวจทั้งหมด 241 ราย พบติดเชื้อ 164 ราย, เขตบางรัก ที่แคมป์ก่อสร้าง ทำการตรวจ 257 ราย ผลพบเชื้อ 126 ราย และเขตบางขุนเทียน ที่บริษัทผลิตหมวกกันน็อค ทำการตรวจ 600 ราย ผลพบเชื้อ 165 ราย โดยที่บริษัทผลิตหมวกกันน็อคแห่งนี้ กทม.ได้รายงานว่าผู้ติดเชื้อรายแรกไม่มีอาการ และไม่ทราบว่าติดเชื้อแต่รับการตรวจหาเชื้อก่อนเข้ารับการผ่าตัดจึงพบว่าติดเชื้อ จากนั้นจึงคัดกรองเชิงรุกโดยคาดว่าจะมีการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำว่าไม่ได้กล่าวโทษผู้ติดเชื้อ แต่ยอมรับว่าสังคมส่วนหนึ่งยังคงมีการรวมกลุ่มสังสรรค์ ดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน รวมถึงตั้งวงพนันไม่สวมหน้ากากอนามัย จึงฝากเน้นย้ำให้ดูแลมาตรการอย่างเข้มงวด
โดย แพทย์หญิงอภิสมัย ระบุว่า ที่ประชุมมีการพูดถึงการติดเชื้อในจังหวัดปทุมธานีที่บ้านเด็กอ่อนรังสิตธัญญบุรี พบผู้ติดเชื้อยืนยันรวม 164 คนผลพบเชื้อรวม 39 คน แบ่งเป็นเด็กอายุ 3-6 ปีรวม 33 คน และผู้ดูแลอีก 6 คน จากการสอบสวนโรคพบว่ามีการระบาดจากพนักงานขับรถ ซึ่ง ผอ.ศปก.ศบค.ได้เน้นย้ำผู้ดูแลเด็กอ่อนและผู้สูงอายุ ว่า ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของผู้ดูแลที่ต้องเฝ้าระวังตัวเองอย่างเข้มงวด และฝากภาครัฐ จังหวัด และเจ้าหน้าที่ ที่มีสถานดูแลเด็กและผู้สูงอายุในพื้นที่ให้กำกับติดตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ซึ่งคนที่ได้รับวัคซีนแล้วยังสามารถรับเชื้อและแพร่เชื้อได้อยู่
ศบค.ขอผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง เร่งฉีดวัคซีนเร็วขึ้น นายกฯกำชับช่วยกทม.และปริมณฑลเพิ่มศักยภาพการขยายเตียง ย้ำ กระจายวัคซีนให้ได้มากขึ้นช่วงก.ค.นี้
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ระบุว่า ขอให้ประชาชนซึ่งเป็นผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังติดตามการเลื่อนฉีดวัคซีนให้ผู้ที่มีความเสี่ยงฉีดวัคซีนเร็วขึ้น โดยให้ติดตามประกาศจากโรงพยาบาลที่ลงทะเบียนไว้ เนื่องจากกลุ่มหากติดเชื้อจะมีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นผู้ที่มีอาการหนัก และมีอัตราการเสียชีวิตค่อนข้างสูง ซึ่งจะมีการพยายามปรับให้ได้ฉีดวัคซีนที่ครอบคลุม
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับให้พยายามช่วยเหลือ กทม. และจังหวัดปริมณฑลในการเพิ่มศักยภาพการขยายเตียง ซึ่งขณะนี้มีข้อจำกัดเรื่องเตียงที่รองรับผู้ป่วยอาการรุนแรงมากสีเหลืองและสีแดง ที่มีความพยายามจะเพิ่มศักยภาพ โดยที่ประชุม eoc วันนี้ มีการพูดคุยหารือในข้อเสนอแนะ ซึ่งส่วนหนึ่งมีการเพิ่มเตียงระดับสีแดง โดยเสนอโรงพยาบาลบางขุนเทียนและโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ ให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งมีการหารือกับโรงพยาบาลเอกชน โดยปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ทุกภาคส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ระดมสรรพกำลังในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกรุงเทพฯและปริมณฑล พร้อมกับมีการหารือกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและโรงพยาบาลธนบุรี ที่จะพยายามปรับโรงพยาบาล ให้รองรับผู้ป่วยกลุ่มอาการรุนแรงให้ได้มากขึ้น นอกจากนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รามาธิบดีมหาวิทยาลัยวชิรพยาบาล มีการระดมบุคลากรที่จะเปิดเตียงรองรับอีกกว่า 50 เตียง นอกจากนี้ สิ่งสำคัญในที่ประชุม มีการเพิ่มจำนวนรองรับผู้ป่วยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอาการรุนแรง เลยเพิ่มทีมสอบสวนโรคที่พื้นที่ใดหรือกลุ่มก้อนใดก็ตามมีการสอบสวนโรค มีการสัมผัสเสี่ยงสูง ให้แยกออกจากครอบครัวหรือชุมชนรวมไปถึงเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค. ยังมีการหารือถึงแนวทางการอนุญาตให้ผู้ป่วยที่จะเลือกดูแลตนเองอยู่ที่บ้าน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากจะมีความเสี่ยงหลายจุด เช่น ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีอาการสีเหลืองหรือสีแดงไม่สามารถที่จะรับการดูแลตนเองที่บ้านได้ ต้องเป็นเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวเท่านั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติตัวบุคลากรต้องประเมินด้วยว่าสามารถที่จะร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการการดูแลตนเองให้ปลอดภัยได้หรือไม่ และมีประเด็นเรื่องความละเอียดอ่อนจากการกักกันตนเองอย่างไรที่จะไม่นำเชื้อไปติดต่อยังบุคคลในครอบครัวหรือในชุมชน หมายถึงการติดตามที่ต้องให้รับความร่วมมือกับบุคลากรที่จะ Video Call ผ่านระบบออนไลน์ไปเพื่อเฝ้าระวังการเจ็บป่วย หากมีการเปลี่ยนแปลงจะได้มีการส่งต่อไปได้อย่างปลอดภัยเมื่อมีความจำเป็น
โดยในที่ประชุมยังมีการประชุมทางไกลผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล โดยในจังหวัดนครปฐมผู้ว่าราชการจังหวัดรายงานสถานการณ์ที่ติดตามด้านการแพร่ระบาดในสถานที่ชำแหละสัตว์กระจายไปยังหลายพื้นที่ เกิดจากการเคลื่อนย้ายแรงงานและมีปัญหาในพื้นที่ คือ แรงงานต่างด้าว จังหวัดมีการระดมบูรณาการทุกภาคส่วนให้มีการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และมีการเตรียมโรงพยาบาลสนามแห่งที่ 4
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นห่วงอยากให้ประชาชนชาวนครปฐม ซึ่งมีเขตติดกับกรุงเทพฯซึ่งเป็นจังหวัดเศรษฐกิจ ทางสปป.และกรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุขรับข้อเสนอแนะของผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมรวมไปถึงทุกแห่งที่เสนอเข้ามา
ทั้งนี้ แพทย์หญิงอภิสมัย ย้ำว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข จะปรับการกระจายวัคซีนให้ได้มากขึ้น ในช่วงก.ค.นี้ อย่างไรก็ตามฝากไปยังพื้นที่ทุกจังหวัดไม่ได้ทอดทิ้งจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งและให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ แต่การกระจายจะพิจารณาในส่วนของพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news