รมว.สธ. รับฟังข้อเสนอล็อกดาวน์ กทม. ส่วนการเปิดประเทศต้องประเมินอีกครั้งใน 120 วันข้างหน้า พร้อมแสดงความเสียใจเหตุกราดยิง รพ.สนามปทุมธานี สั่งเยียวยาผู้เคราะห์ร้ายเต็มที่
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมรับฟังข้อเสนอจากอาจารย์แพทย์ถึงมาตรการล็อกดาวน์ กทม. เพื่อควบคุมโรคโควิด 19 ซึ่งจะมีคณะกรรมการและ ศบค.พิจารณาในทุกมิติ เพื่อใช้มาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยวานนี้ (23 มิถุนายน 2564) ได้หารือกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า พร้อมสนับสนุนทุกเรื่องในการควบคุมโรค ดูแลผู้ป่วยโควิด 19 เช่นที่โรงพยาบาลบุษราคัมรองรับผู้ป่วยอาการสีเหลือง ถือว่าช่วยแบ่งเบาพื้นที่ กทม. ได้อย่างมาก จะสิ้นสุดสัญญาการเช่าสถานที่ ได้รายงานนายกรัฐมนตรีเพื่อหาสถานที่ภาคส่วนราชการต่างๆ ที่มีความเหมาะสมในการทำเป็นโรงพยาบาล ซึ่งนอกจากมีพื้นที่กว้างขวางแล้ว ระบบต้องเหมาะสมด้วย เช่น สถานีกลางบางซื่อ แม้มีพื้นที่ใหญ่แต่ระบบแอร์เชื่อมโยงกันทั้งหมด ไม่สามารถตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามได้ อย่างไรก็ตาม จะหารือกับประธานเมืองทองธานี เพื่อขอใช้สถานที่ทำโรงพยาบาลบุษราคัมต่ออีก 2-3 เดือน
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะนี้การระบาดส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ กทม. ปริมณฑล และอีก 2-3 จังหวัด การบริหารจัดการใช้ระบบเขตสุขภาพเข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือกัน ระดมทรัพยากรต่างๆ เข้ามาช่วยดูแลได้ จึงไม่อยากให้มองแค่เฉพาะบางจุด เพราะอาจคิดว่ามีความหนาแน่นและไม่เพียงพอ เมื่อมองทั้งระบบสาธารณสุขยังบริหารจัดการได้ ยืนยันว่าระบบสาธารณสุขไม่มีวันล่มสลาย ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ระดมกำลังทั้งประเทศเข้ามาได้เหมือนโรงพยาบาลบุษราคัมที่ได้เปิดให้บริการในขณะนี้ ตอนนี้เราพยายามแก้ปัญหาในพื้นที่ก่อน เพื่อไม่ให้ไปถึงจุดนั้น โดยระหว่างนี้ต้องพยายามลดจำนวนผู้ติดเชื้อลง และขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดควบคุมคลัสเตอร์ต่างๆ ด้วยมาตรการ Bubble and Seal ที่ต้องห้ามเข้าออกอย่างจริงจัง ควบคุมคนไม่ให้มีการเดินทาง และกระทรวงสาธารณสุขจะแยกผู้ป่วยเข้ารักษาตามอาการ ส่วนเรื่องการเปิดประเทศเป็นเรื่องอีก 120 วันข้างหน้า ระหว่างนี้ต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่าง เมื่อมีความพร้อมแล้ว จะมีการประชุมหารือกันอีกครั้ง หากพิจารณาแล้วยังเปิดไม่ได้ก็คือเปิดไม่ได้ ไม่ใช่ยังไม่ทำอะไรแล้วบอกอย่าไปเปิด ต้องรอไปประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
ทั้งนี้ นายอนุทิน ลงพื้นที่เยี่ยม สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร ภายหลังเกิดเหตุคนร้ายบุกยิงผู้ป่วยโควิด 19 ที่โรงพยาบาลสนามในพื้นที่ของ สบยช. เสียชีวิต 1 ราย โดยได้แสดงความเสียใจกับผู้เคราะห์ร้ายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทุกคนที่เผชิญเหตุ ระบุเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในโรงพยาบาล ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย จึงได้สั่งการให้โรงพยาบาลทุกแห่งเข้มยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำทั้งการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาดูแลเป็นพิเศษ เพิ่มความถี่การตรวจเวรยาม การตรวจคัดกรองเดินทางเข้า-ออกในโรงพยาบาลโดยเฉพาะในยามวิกาล พร้อมชื่นชมเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยที่เข้มแข็ง ไม่ตระหนก มีสติ เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินได้ช่วยกันอพยพผู้ป่วยไปทางบันไดหนีไฟและนำไปสู่จุดที่ปลอดภัยตามแผนที่ได้ซักซ้อมมาแล้ว ทำให้ไม่เกิดการสูญเสียเพิ่มมากไปกว่านี้
นายอนุทินกล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขเยียวยาผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มที่ เบื้องต้นมีการเยียวยาตามมาตรา 41 และเจ้าหน้าที่ได้พูดคุยและให้กำลังใจครอบครัวผู้เคราะห์ร้าย สำหรับผู้ป่วยอื่นๆ ในโรงพยาบาลสนามที่อยู่ในเหตุการณ์ ยังมีขวัญกำลังใจดี อาจมีบางคนตกใจเสียขวัญบ้าง ซึ่งได้รับการดูแลเยียวยาสภาพจิตใจโดยทีมจิตแพทย์แล้ว และมีการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ในส่วนคนร้ายทราบว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้มีความตั้งใจมาปองร้ายผู้ป่วยโควิด 19 และไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ในเรื่องคดีความขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนาม สบยช. เป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 230 เตียง ในอนาคตเตรียมพร้อมปรับให้เป็นโรงพยาบาลรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง เพิ่มประมาณ 400-500 เตียงเพื่อแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลหลักในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news