“ยิ่งใช้ยิ่งได้”แต่ลงทะเบียน“ยิ่งเงียบ”
โครงการของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุด ดูเหมือนจะไม่คึกคักเหมือนรอบที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งในรอบนี้ที่เปิดรับการลงทะเบียนกว่า 31 ล้านคน ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 28.3 ล้านคน ถือได้ว่าเงียบลงไปมากหากเปรียบเทียบกับรอบที่หนึ่งและรอบที่สอง ที่แย่งกันลงทะเบียนจนเกิดปัญหาระบบล่ม
ขณะที่โครงการน้องใหม่อย่างโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2564 มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 3.82 แสนคนจากสิทธิ 4 ล้านคน ดูเหมือนจะซบเซาลงไปเช่นกัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะประชาชนยังคงกังวล การแพร่ระบาดของโควิดในรอบล่าสุดที่ยังไม่มีทิศทางว่าจะเบาลง ตัวเลขยังพุ่งแตะระดับ 3000 ถึง 4000 คนต่อวันสำหรับผู้ติดเชื้อ จึงอาจเกิดความไม่มั่นใจต่อรายได้ที่จะเข้ามา อาจไม่เท่ารายจ่ายที่จะเสียไป
โดยผู้วางโครงการอย่างทางกระทรวงการคลัง มั่นใจว่าทั้ง 2 โครงการหากมีประชาชนเข้าร่วมเต็มจำนวนสิทธิ์ที่วาง ไว้ก็ชื่อว่าจะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้พอสมควร หรือช่วยผลักดันให้จีดีพีไทยขยายตัวเพิ่มอีกกว่าร้อยละ 1 จากนี้คงต้องมาดูว่ายอดปิดการรับลงทะเบียนของโครงการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่
ท่ามกลางความไม่มั่นใจของหลายฝ่ายว่าเศรษฐกิจไทยจะไปรอดหรือไม่ แต่ปลัดกระทรวงการคลังออกมายืนยัน กับทางสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. แล้ว ว่าฐานะทางการครั้งของประเทศไทยยังคงแข็งแกร่งโดยระดับหนี้ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ประกอบกับเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้รัฐบาลมีความมั่นใจว่าจะสามารถรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ซึ่งที่ผ่านมายังคงใช้วงเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านพระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทในโครงการต่างๆ และยังมีวงเงินกู้เพิ่มเติมอีก 500,000 ล้านบาทในการรองรับปัญหาโควิด-19 เพื่อใช้ฟื้นฟู และเยียวยาเศรษฐกิจให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
ซึ่งก้าวต่อไปจากนี้คงต้องมาติดตามกันว่า มาตรการภาครัฐจะได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างเต็มที่ได้ตามเป้าที่วางไว้หรือไม่และการจับจ่ายจะกลับมาคึกคักได้บนสภาวะที่โควิดยังแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องได้หรือไม่คงต้องมาติดตามกัน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news