Home
|
ทั่วไป

ศบค.ห่วงผู้ป่วยโควิดพุ่ง!3หมื่นคน/วัน

Featured Image
ศบค. ห่วงผู้ป่วยโควิดพุ่ง 3 หมื่นคน/วัน เข้มจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด งดออกจากบ้าน ลดสัญจร จำกัดจำนวนผู้โดยสารขนส่งสาธารณะ

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ระบุว่า ในที่ประชุมมีการพูดคุยถึงการคาดการณ์ความเป็นไปได้ของการติดเชื้อในประเทศไทยจากคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีการใช้ข้อมูลถึงวันที่ 17 ก.ค.64 คาดการณ์เหตุการณ์แย่ที่สุดหากไม่ทำอะไรเลยจะมีการติดเชื้อถึง 31,997 รายต่อวัน หากทำให้ดีที่สุดจะมีผู้ป่วยอยู่ที่ 9,018-12,605 รายต่อวัน และค่ากลาง 9,695-24,204 รายต่อวัน หากมาตรการเกิดขึ้นโดยเร็วหากทุกคนร่วมมือค่ากลางที่เป็นค่าล่างจะยังสูงอยู่ รวมถึงมีผลการศึกษาจากธนาคารกรุงศรีฯที่ WHO ได้นำผลศึกษาไปอ้างอิงคาดการณ์การฉีดวัคซีนถึงปลายปี หากฉีดวัคซีนได้ดีเคสที่ดีที่สุดจะลงในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งปัจจุบันตัวเลขผู้ป่วยยังสูงไปที่ 15,000 ราย ถึงช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน และหากแน่ที่สุดตัวเลขจะสูงถึง 22,000 ราย ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายนและจะลงมาในช่วงเดือนตุลาคม หากได้ฉีดวัคซีนได้ตามที่กำหนดในช่วงไตรมาสที่ 4

โดย นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึง ข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตราเก้าของพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ซึ่งประกาศไปวันที่ 17 ก.ค.64 ซึ่งจะมีการประกาศพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็นจาก 10 เป็น 13 จังหวัด โดยเพิ่มจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา พื้นที่ควบคุมสูงสุดจาก 24 เป็น 53 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 25 เป็น 10 จังหวัดพื้นที่เฝ้าระวังสูง 18 เป็น 1 จังหวัด คือภูเก็ต ทั้งนี้สาระของฉบับที่ 28 คือต้องการให้มีการดูแลพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด โดยในพื้นที่ของภาคกลางที่ประชุมศปก.ศบค. ให้งดภารกิจที่จะต้องเดินทางออกนอกเคหสถานหรือที่พำนัก โดยไม่จำเป็น โดยในช่วงกลางวันขอให้งดการเดินทางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

โดย ผอ.ศบค. ระบุว่า ขอให้เป็นการล็อกดาวน์ของพื้นที่ที่มีความเข้มงวดสูงสุดในส่วนนี้และเว้นไว้ คือ การเดินทางเพื่อการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาหาร ยา เวชภัณฑ์ พบแพทย์ เข้ารับบริการทางสาธารณสุข การรักษาพยาบาลการรับวัคซีนป้องกันโรคหรือมีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติงานหรือประกอบอาชีพที่ไม่สามารถปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งหรือเวิร์คฟอร์มโฮมได้ นอกจากนี้ทางฝ่ายความมั่นคงได้มีการพูดคุยกันว่า จะมีการตั้งด่าน ผู้ที่อยู่พื้นที่สีแดงเข้มหากจะออกข้างนอกจะได้รับความไม่สะดวกมากๆ เพราะจะมีการตั้งด่านรอบขอบนอกของพื้นที่ 6+ 3 จังหวัดอย่างเข้มข้นโดยจะมีชุดตรวจเข้มแข็งกระจายอยู่ในขอบของ 9 จังหวัด ที่จะมีด่านตรวจทั้งเข้าและออก

ทั้งนี้ ระหว่างสมุทรปราการออกไปทางภาคตะวันออก จะมีด่านภายในเป็นด่านเข้มแข็งเพิ่มขึ้น ทางที่ประชุมได้แจ้งว่า จะมีสามแนวทางที่เข้มข้นขึ้นคือ 1. การแสดงหลักฐานการอนุญาตต่อเจ้าพนักงานในพื้นที่ เช่น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้อำนวยการเขต หัวหน้าสถานีตำรวจ ที่ได้ขอมา 2. ต้องผ่านแอปพลิเคชั่นไทยชนะที่ด่านตรวจด้วย และ 3. ต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ COVID-19.in.th ซึ่งจะได้รับคิวอาร์โค้ดออกมาเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ที่ด่านตรวจ ซึ่งขณะนี้ทางด่านกำลังตรวจสอบระบบ ความไม่สะดวกที่จะในส่วนนี้เพื่อลดการเดินทาง ดังนั้นหากไม่จำเป็นขอให้อย่าเดินทางอยู่ในเคหสถานเท่านั้น เพราะขณะนี้ทั่วโลกใช้วิธีการล็อกดาวน์ โดยมาตรการดังกล่าวจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงวันนี้ (19ก.ค.) อย่างไรก็ตามบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นมี 6 กลุ่ม

คือ 1.ทางด้านสาธารณสุข 2.การขนส่งเพื่อประโยชน์ของประชาชน อาหารยาเวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ สินค้าอุปโภคบริโภคผลผลิตทางการเกษตร น้ำมัน เชื้อเพลิง ไปรษณีย์พัสดุภัณฑ์ สิ่งพิมพ์ สินค้าเพื่อการส่งออกหรือนำเข้า 3.การขนส่งหรือขนย้ายประชาชน 4.การให้การบริการอำนวยประโยชน์เพื่อความสะดวกแก่ประชาชน 5.การประกอบอาชีพที่จำเป็น และ 6.อื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะรายกรณีของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามคนใน 13 จังหวัดจะถูกบล็อกไว้ ไม่ให้ออกไปง่ายๆ เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงส่วนคนที่อยู่ข้างนอกจะเข้ามาได้แต่ต้องมีความจำเป็นจริงๆ โดยจะใช้ 13 จังหวัดนี้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และทำให้เต็มที่ใน 14 วัน

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube