สธ. ร่วม กทม. นำร่องจัดทีมเชิงรุก CCR Team ลุยชุมชนเขตเมืองที่ผู้ติดเชื้อเข้าไม่ถึงการรักษา พบผู้สูงอายุเกือบ 100% ไม่ได้ฉีดวัคซีน
นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ถึงทีมปฏิบัติเชิงรุก “CCR Team” ช่วงล็อกดาวน์ ที่ดูแลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่เขตเมือง โดยเฉพาะ กทม. ซึ่งมีความซับซ้อนของปัญหา โดยมีผู้ป่วยที่ยังเข้าไม่ถึงการรักษาจำนวนมาก เมื่อมีการส่งทีมเข้าไปดูแล ก็ต้องมีระบบพาผู้ป่วยออกมาดูแลรักษาทั้งนี้ พบว่า ผู้สูงอายุในชุมชนที่ซับซ้อนเหล่านี้เกือบ 100% ไม่ได้ฉีดวัคซีน เพราะลงทะเบียนไม่เป็น หรือลงทะเบียนได้ แต่ไม่มีผู้พาไปฉีดวัคซีน หากไม่ดำเนินการฉีดวัคซีนภายในระยะเวลานี้ ภายใน 7-14 วัน ภาพสถานการณ์ไม่เกิน 1 เดือนข้างหน้า กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ อาจติดเชื้อ ซึ่งจะมีโอกาสอาการรุนแรง เสียชีวิตได้ ดังนั้น ต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้กลุ่มนี้โดยเร็วที่สุด พร้อมเตรียมจัดทีมไปฉีดวัคซีนถึงที่
ขณะเดียวกันมีเป้าหมายขยายผล 188 ทีมครอบคลุมพื้นที่ กทม. ดำเนินการต่อเนื่องอย่างน้อย 2 เดือน และหากต้องการเพิ่มทีมแบบเต็มพิกัด ควรเพิ่มทีมอีกอย่างน้อย 3 เท่า หรือประมาณ เกือบ 600 ทีม เชื่อว่า จะสามารถช่วยให้การทำงานเชิงรุกเดินหน้าได้ด้วยดี มีประสิทธิภาพและเป้าหมายปลายทาง คือสามารถลดอัตราการติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตได้
สำหรับการดำเนินงานของ CCR Team จะมีการสำรวจปัญหาโดยหารือกับผู้นำชุมชน ว่า บ้านใดมีผู้ป่วยอาการรุนแรง ผู้ป่วยติดเตียง และเข้าไปให้ความช่วยเหลือ, ตรวจคัดกรองด้วยการใช้ชุดตรวจ Antigen Test Kit ในการลงชุมชนทำความเข้าใจกับประชาชนว่า แม้คัดกรองแล้วผลลบ ก็ยังต้องปฏิบัติตนเหมือนติดเชื้อหรือเสี่ยงติดเชื้อตลอดเวลา โดยการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ส่วนผู้ติดเชื้อมีอาการรุนแรงจะนำเข้าสู่การรักษาในโรงพยาบาล โดยประสานระบบการแพทย์ฉุกเฉินในการส่งต่อ ผู้ติดเชื้ออาการเล็กน้อยและปานกลางจะดูแลไม่ให้เกิดอาการรุนแรงจนเสี่ยงเสียชีวิต, ช่วยเหลือการดูแลรักษาที่บ้าน (Home Isolation) ส่งแพทย์เข้าไปดูแลและยารักษา เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อต่อ รวมทั้งการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news