กทม. ลุยฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ เผยโควตายังเหลือ พร้อมนัดประชาชนที่ถูกเลื่อนคิว ช่วง 19-23 มิ.ย. ให้มาฉีดในวันพรุ่งนี้ – 23 ก.ค. ส่วนที่เหลือรอวัคซีนเข้ามาจะนัดอีกครั้ง
นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย พร้อมด้วย ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงข่าว สรุปการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า ตามกำหนดการแต่เดิม กทม. จะได้รับการจัดสรรวัคซีนแอสตราซิเนกา จำนวนรวม 5 ล้านโดส ในวันที่ 5 พ.ค. 64 แต่มีปัญหาไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด ส่งผลให้กทม.ต้องประกาศเลื่อนนัดการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ได้ลงทะเบียนผ่านโครงการไทยร่วมใจ
กระทั่ง กทม. ได้รับวัคซีนจำนวน 5 แสนโดสและได้ดำเนินการฉีดให้กับประชาชนกลุ่มแรกคือกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ขึ้นไป เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าผู้ที่ลงทะเบียนไว้เดินทางเข้ารับการฉีดต่อไปเนื่อง แต่มีผู้สูงอายุบางกลุ่มได้ลงทะเบียนไว้กับโครงการอื่น จึงส่งผลให้ขณะนี้โควตาวัคซีนของกลุ่มผู้สูงอายุในโครงการไทยร่วมใจเหลือ หากผู้สูงอายุคนใดยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าฉีดวัคซีนสามารถลงทะเบียนได้ที่โครงการไทยร่วมใจได้ทันที
ส่วนประชาชนกลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่ลงทะเบียนและมีคิวฉีดวัคซีนเดิมระหว่างวันที่ 19-23 มิ.ย. 64 ให้เข้าฉีดได้ตามวันนัดใหม่ คือ 22-26 ก.ค. 64 นี้ส่วนผู้ที่มีคิวนัดเดิมตั้งแต่ 24 มิ.ย. 64 เป็นต้นไปให้รอแจ้งนัดหมายใหม่อีกครั้งหลังได้รับการจัดสรรวัคซีนเข้ามาเพิ่ม
ทั้งนี้ ข้อมูล ณ วันที่ 20 ก.ค. พบว่าในพื้นที่ กทม. ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนไปแล้วจำนวน 63,700 ราย ฉีดให้ผู้ที่มีโรคประจำตัว กว่า46,000 ราย รวมทุกกลุ่มอายุฉีดไปแล้วเกิน 50% โดยตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนเกิน 70% ภายในสิ้นเดือนนี้
นพ.สุขสันต์ ยังระบุถึงการบริหารจัดการเตียงในพื้นที่ กทม. ว่า สำหรับประชาชนที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด แต่ไม่แสดงอาการ หรือเป็นผู้ป่วยสีเขียวนั้นในขั้นแรกสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้จะให้เข้าสู่ระบบกักตัวที่บ้าน โดยจะมีแพทย์ติดต่อดูแลอย่างใกล้ชิด แต่หากไม่สะดวกหรือไม่มีพื้นที่สำหรับกักตัว ก็จะนำไปเข้าสู่การกักตัวที่ Hospital
ส่วนผู้ป่วยสีเหลือง หรือสีแดงจะนำเข้าสู่การรักษาที่โรงพยาบาลต่อไป พร้อมยอมรับว่าปัญหาการขาดแคลนเตียงนั้นพบในผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองและสีแดง ซึ่งเป็นผู้ที่มีอาการและต้องเข้าสู่การรักษาในสถานพยาบาล ขณะนี้ทางสำนักการแพทย์อยู่ระหว่างการดำเนินการเพิ่มเตียงให้เพียงพอต่อการรักษา
พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวถึงกรณีที่มีเหตุการณ์พบผู้เสียชีวิต อยู่กลางถนนที่บริเวณวัดบวรนิเวศวิหาร ภายในตรอกบ้านพานถม แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร ว่าหลังจากได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. ได้เข้าพื้นที่ช่วยเหลือทันที เมื่อไปถึงพบว่าผู้ตายยังมีชีพจร อปพร.จึงดำเนินการใช้อุปกรณ์เพื่อพยุงชีพระหว่างรอตำรวจและแพทย์จนทั่งต่อมาผู้ตายชีพจรหยุดนิ่ง ตำรวจจึงแจ้งให้อปพร.ถอนกำลังออกจากจุดเกิดเหตุได้
ทั้งนี้สำหรับ อปภร.ไม่ได้มีอำนาจในการเคลื่อนย้ายศพ.เนื่องจากตามข้อปฏิบัติทางด้านกฎหมายระบุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้มีอำนาจในการชันสูตรพลิกศพดังนั้นจึงอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันระหว่างกรุงเทพฯและตำรวจในเรื่องของกระบวนการดังกล่าวเพื่อหาวิธีให้ขั้นตอนการช่วยเหลือหรือการเคลื่อนย้ายศพให้รวดเร็วมากที่สุดในเฉพาะสถานการณ์ที่มีการระบาดเช่นนี้
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news