ด่วน! วิกฤติโควิด โรงพยาบาลศิริราช เลือดสำรองทุกหมู่ขาดแคลนหนัก วอนผู้มีสุขภาพดีบริจาคช่วยผู้ป่วย
โรงพยาบาลศิริราช เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคเลือด เพื่อช่วยผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยที่รอการผ่าตัดรวมถึงผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องใช้เลือด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ทำให้จำนวนผู้บริจาคเลือดลดลง แต่โรงพยาบาลศิริราช ยังมีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ต้องรับการผ่าตัด ผู้ป่วยโรคเลือดที่จำเป็นต้องใช้เลือดในการรักษา
ส่งผลให้ขณะนี้ (22 ก.ค. 64) เลือดสำรองทุกหมู่ขาดแคลนหนัก อาจทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง จึงขอเชิญชวนประชาชนที่มีสุขภาพดี และไม่มีความเสี่ยง ไม่ได้สัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่สงสัยหรือติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) และไม่ได้เดินทางไปในสถานที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (โควิด 19) ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มาร่วมช่วยชีวิตคนไทยด้วยกัน
ซึ่งศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช มีระบบคัดกรองความเสี่ยงอย่างปลอดภัย และได้มาตรฐาน โดยวัดอุณหภูมิทั้งเจ้าหน้าที่และผู้บริจาคเลือด ก่อนเข้าสถานที่ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทุกคนได้รับการประเมินความเสี่ยงก่อนมาปฏิบัติงาน รวมทั้งทำความสะอาดอุปกรณ์และสถานที่อย่างสม่ำเสมอ
สำหรับท่านที่ต้องการบริจาคเลือด ขอให้เตรียมร่างกายให้พร้อม โดยพักผ่อนเพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมง น้ำหนัก 48 กิโลกรัมขึ้นไป และต้องไม่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคลมชัก โรคหัวใจหรือเคยเจ็บแน่นหน้าอก เป็นต้น
ทั้งนี้สามารถรับประทานอาหารและน้ำได้ตามปกติ แต่ขอให้หลีกเลี่ยงอาหารประเภทที่มีไขมันสูง งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไม่เข้าข่ายผู้มีความเสี่ยงติด COVID-19
นกรณีผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน COVID-19 ขอให้งดเว้น 7 วัน หากมีอาการข้างเคียงขอให้งดเว้น 14 วันหลังไม่มีอาการ จึงสามารถบริจาคเลือดได้
สำหรับหากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความประสงค์จะบริจาคเป็นหมู่คณะ สามารถแจ้งความจำนงค์ให้ทางศูนย์ นำรถบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ออกไปให้บริการ ติดต่อได้ที่ ศูนย์รับบริจาคเลือดศิริราช อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ชั้น 3 รพ.ศิริราช ทุกวัน เวลา 08.30 – 16.00 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์) โทร. 0 2414 0100, 0 2414 0102
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news