ศบค.ย้ำห่วงประชาชนพื้นที่ควบคุมสูงสุด
ศบค. ย้ำห่วงประชาชนพื้นที่ควบคุมสูงสุด ขอทุกฝ่ายร่วมมือกัน เน้นย้ำจัดกลุ่มโรงงาน คุมไว ลดแพร่กระจาย
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า ที่ประชุมศบค. ได้เน้นย้ำความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือเข้มงวดที่จะได้รับความไม่สะดวกไม่สบาย แต่ขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยรายละเอียด มาตรการต่างๆ จะประกาศออกมาใน ราชกิจจานุเบกษา ภายในคืนนี้
นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการพูดถึงการยกระดับการควบคุมโรคในสถานประกอบกิจการได้แก่ โรงงาน แคมป์ และบริษัท ด้วย ซึ่งได้มีการพูดถึงรายละเอียด มาตรการ Bubble and Seal ควบคุมโรคเฉพาะพื้นที่ โดยเน้นย้ำ 16 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งเกิดจากกรมควบคุมโรคโดย กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการรายงานสถานการณ์ การแพร่ระบาด อย่างต่อเนื่อง ถึงการจำกัดวง ภายในโรงงานขนาดกลางขนาดใหญ่ หรือเกิน 500 คน เป็นต้น
ซึ่งการกำหนดนี้เพื่อให้การพิจารณาควบคุมโรคโดยเน้นย้ำไม่เฉพาะพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดเท่านั้น โดยจะต้องครอบคลุมไปถึงบริษัทแคมป์คนงาน โรงงาน ทั้งที่ยังไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อ หรือยังไม่มีการระบาดก็จะต้อง ดำเนินการ ตาม มาตรการนี้ โดยหลักการ Bubble and Seal นี้ จะมีการออกคู่มือข้อปฏิบัติสำหรับการป้องกัน covid 19 เพื่อให้ทุกจังหวัดได้ศึกษารายละเอียด
เน้นย้ำการจัดกลุ่ม คุมไว ลดแพร่กระจาย และรายได้ไม่สูญเสีย ซึ่งที่ประชุมได้ตระหนักถึง ถึงความสำคัญของแรงงานและ โรงงาน ที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการออกมาตรการนี้จะมีการปรับให้มาตรการควบคุมโรคเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ขณะที่การกระจายวัคซีน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ทำการต่างประเทศส่งมอบให้รัฐบาลไทย ที่สหรัฐอเมริกา ได้มีการส่งมอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1,503,450 โดส ขณะที่สหราชอาณาจักร ได้มีการทำเรื่องเพื่อส่งมอบวัคซีน Astrazeneca ให้แก่รัฐบาลไทย 415,040 โดส ในช่วงต้นเดือน ส.ค.ด้านสมาพันธรัฐสวิส ได้มีการมอบชุดตรวจหาเชื้อ covid19 แบบเร่งด่วน ATK จำนวน 1,100,000 ชุด รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจอีก 102 เครื่อง ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา
แล้วก่อนหน้านี้รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ได้มีการสนับสนุนวัคซีน Astrazeneca อีกกว่า 1 ล้านโดส ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำ กระจายวัคซีนให้ครอบคลุมในส่วนของ กทม. และปริมณฑลรวมทั้ง จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดสูง เร่งรัดฉีดให้ประชาชนให้ได้ 50% ของประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยมี กระทรวงมหาดไทย และสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ดำเนินการขับเคลื่อน จึงขอย้ำไปยังจุด วัคซีนให้ครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด โดยให้มีการบริหารจัดการป้องกันควบคุมโรคตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข โดยเน้นที่การเว้นระยะห่าง และดูแลเรื่องความปลอดภัยของผู้สูงอายุผู้มีโรคประจำตัวและหญิงตั้งครรภ์
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พูดถึงการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กระตุ้นภูมิเข็ม 3 ซึ่งมีความกังวลว่า การกำหนดเงื่อนไขของกระทรวงสาธารณสุข ครอบคลุมอย่างไร ซึ่งทางปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มีการชี้แจง ต่อที่ประชุมว่าในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ กระทรวงได้มีการสำรวจความต้องการทุกจังหวัดทั่วประเทศ อยู่ที่ประมาณ 4 แสนกว่าโดส ซึ่ง ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งได้รับวัคซีน Astrazeneca ในการกระตุ้นเข็ม 3 แล้ว 1แสนโดส, แต่ย้ำว่าจะมีการกระจายอย่างทั่วถึง ทั้งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรต่างๆ รวมถึงอสม.
นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. ได้ติดตามการปฏิบัติงานในด้านต่างๆ รวมทั้งการเตรียมความพร้อม โรงพยาบาลฮอสพิทอล โรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลหลัก
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news