ศบค. ยึดความเห็นผู้เชี่ยวชาญจัดซื้อวัคซีนชิโนแวค ศึกษาเทียบกับวัคซีนอื่น วางแผนระดมฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้ได้ 100 ล้านโดส
แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่าการติดเชื้อในกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 12-20 ปี 40,000 กว่า ราย มีอัตราการเสียชีวิต 8 ราย ค่ากลางอยู่ที่อายุ 14 ปี โดยปัจจัยการติดเชื้อ เกิดจากการ สัมผัสกับผู้ที่ติดเชื้อยืนยันในครอบครัวและเด็กที่เสียชีวิต มีโรคประจำตัว เพราะฉะนั้นนโยบายที่สำคัญในช่วงนี้คือการเร่ง ฉีดวัคซีนให้แก่หญิงตั้งครรภ์เพิ่ม
ส่วนการจัดซื้อวัคซีนชิโนแวคจำนวน 12 ล้านโดส ที่ ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการยืนยันก่อนหน้านี้แล้ว ว่า เรื่องนี้ได้มีการนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ได้มีความเห็นชอบอนุมัติการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค โดยย้ำว่า คบค. ได้ยึดความเห็นจากด้านผู้เชี่ยวชาญจากการศึกษา รายงานวิจัยทั้งในพื้นที่และโรงเรียนแพทย์ที่หลากหลาย โดยมีการรายงานจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม และมีการติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน 2 สัปดาห์ จึงพบว่า ประสิทธิผลของวัคซีน ป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 72% ป้องกันการเสียชีวิต และเจ็บป่วยรุนแรง 98%
นอกจากนี้ ยังได้มีการศึกษาเทียบกับวัคซีน Astrazeneca ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อ หลังการฉีดวัคซีน 1 เข็ม มีประสิทธิผล ป้องกันการติดเชื้อ ได้ถึง 88% แต่เมื่อมีการฉีดวัคซีนไขว้ระหว่างซิโนแวค กับ Astrazeneca จะทำให้ประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อ รวมทั้งการเจ็บป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตได้สูงมากขึ้น จึงทำให้ ศบค.มีความเห็นชอบที่จะดำเนินการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติม และอีกเหตุผล คือ จากการวางแผนระดมฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้ได้ 100 ล้านโดส โดยแผนเดิมจะมีการเติมวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีน Astrazeneca ประมาณ 10 ล้านโดส แต่จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีการรายงานว่ายังไม่สามารถส่งวัคซีนให้ได้ ในไตรมาส 4 ตามที่ตกลงกันไว้ จึงทำให้ต้องเปลี่ยนแผนเช่นเดียวกับ Astrazeneca ที่คาดการณ์ว่าจะได้ เดือนละ 10 ล้านโดส แต่ลดลงมาเหลือ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน จึงมีความสมเหตุสมผล ที่จำเป็นต้อง จัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามาเสริมในส่วนที่ขาดหายไป
ศบค.พบการกระจายเชื้อโควิด เริ่มชะลอลงแล้ว ขอทุกจังหวัดพยายามช่วยกัน ค้นหาเชิงรุก ลดอัตราตาย-ป่วยหนัก
แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. เปิดเผยว่า ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศปก.ศบค. มีการหารือถึงการกระจายการติดเชื้อซึ่งหากเทียบการติดเชื้อในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล และต่างจังหวัดโดยรวม เริ่มมีการชะลอลง ส่วนการติดเชื้อหลักๆ
มีการแพร่กระจายจากในสถานประกอบการสถานที่ทำงาน ซึ่งทำให้มีผู้ติดเชื้อและไปแพร่เชื้อให้กับคนในครอบครัวและชุมชนใกล้ชิด ดังนั้นนโยบายที่สำคัญขอให้ทุกจังหวัดทุกหน่วยงานพยายามช่วยกัน ค้นหาเชิงรุกในชุมชน ลดอัตราตายและอาการป่วยหนัก
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีการหารือถึง Universal Pravention for covid-19 หรือการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ซึ่งสิ่งสำคัญคือจะต้องมีความเข้าใจว่าขณะนี้ในการรายงานผู้ติดเชื้อรายกรณีไม่สามารถที่จะค้นหาได้ว่าผู้ติดเชื้อนั้นได้รับเชื้อมาจากใคร หรือเดินทางไปในที่ใดบ้าง ซึ่งจะต่างจากช่วงแรกในการรายงานการระบาดซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เสนอแนวความคิด การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาลซึ่งสาระสำคัญคือจะต้องอยู่กับโควิดให้ได้ ต้องปรับสมดุลวิถีชีวิตวิถีใหม่
โดยนายแพทย์อุดม คชินทร เสนอแนวคิดขอให้เราทุกคนคิดเสมอว่าทุกคนที่อยู่รอบตัวไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนอาจเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยหลักการปฏิบัติจะต้องพยายามออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตรในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรังอีกเรื่องการออกนอกจากบ้าน ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ แยกการใช้สิ่งของส่วนตัวทุกชนิด เลือกรับประทานอาหารที่รอและปรุงสุกใหม่ หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยงให้ตรวจด้วย ATK บ่อยๆ เพื่อยืนยันว่าไม่มีการติดเชื้อจริง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news