แรงไปมั้ย-ยิง“ม็อบบวก”
”แรงไปมั้ย” คำถามคนละข้างฝ่ายของ “คำตอบ” เดียวกัน กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน (17ส.ค.) กรณีมีการใช้กระสุนจริงยิงเด็กอายุ 15 อาการสาหัส ขณะเข้าไปร่วมชุมนุมในกลุ่ม”ม็อบบวก”ด่านหน้า ที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ตามที่ น.1 ที่วันนี้ มีการทดสอบการยิงแก๊สน้ำตาโชว์ “นักข่าว”ว่าไม่เป็นอันตรายถึงตาย บอกว่า เป็นการยิงมาจาก บุคคลไม่ทราบฝ่าย ส่วนภาพเป็นชายยืนอยู่บน สน.ดินแดง และใช้ปืนยิงควบคุมสถานการณ์ ยอมรับว่าเป็นตำรวจจริง แต่เป็นการใช้กระสุนยางยิงข่มขู่เพื่อป้องกันสถานที่ราชการ ไม่มีการใช้กระสุนจริง ซึ่งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ากระสุนที่ผู้บาดเจ็บถูกยิงมาจากทิศทางใด แต่ยอมรับว่าในพื้นที่มีการใช้กระสุนจริง แต่ไม่ใช่ของตำรวจ โดย “คำถาม” นี้ถูกถามในคนละเรื่องเดียวกัน จาก ”นายกฯลุงตู่” ที่มีรายงานว่า มีการถามกลางวง ครม.กรณี เนื้อหาในญัตติ ”ซักฟอก” 1นายก5รัฐมนตรี ว่า “เนื้อหาแรงเกินไปมั้ย เคยมีมั้ย” โดยแนะ 5 รัฐมนตรี สู้ด้วยข้อเท็จจริง เพราะทุกคนตั้งใจทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล พร้อมฝาก หัวหน้า-ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ไปทำความเข้าใจกับ ส.ส.ด้วย
ขณะเดียวกัน “คำตอบ” ใน “คำถาม” ที่ “นักข่าว” เมื่อวานฝาก ”โฆษก” ไปถึงกรณีสถานการณ์ชุมนุม “ม็อบ” รายวัน นายกฯ มีการ ส่งสัญญาณไฟเขียวชัดเจนยังคงสนับสนุน ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมฝูงชนให้ ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยให้ยึดกฎหมายที่มีอยู่ดำเนินการอย่างระมัดระวัง รวมทั้ง การสลายการชุมนุม ก็ขอให้ยึดหลักสากลเป็นหลัก ให้มีการระงับเหตุรุนแรง ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะจากผู้ชุมนุม เพราะไม่ใช่มีเพียงผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป ทั้งในส่วนของการจราจรและการทำลายทรัพย์สินของราชการอย่างที่ปรากฏในข่าวอย่างต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งการทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยวิธีการต่างๆ ก่อน ย้ำดำเนินคดีผู้ที่กระทำความผิด เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว
เรียกว่าสถานการณ์ “ม็อบรายวัน” หลายกลุ่ม ที่นัดชุมนุม ทุกวันบ่ายสอง ก่อนยุติก่อนฟ้ามืด และเกิดภาพ “ม็อบสายบวก” วัยรุ่นประมาณ 50-100 คนที่ บรรดาแกนนำเช่น “หนูหริ่ง”สมบัติ บุญงามอนงค์ ก็ ยอมรับว่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็นแกนหลักของ “ม็อบขาบวก” ที่ปฏิบัติการ นอกเหนือการควบคุมของ “ม็อบหลัก” และไม่ฟังแกนนำแม้แต่ “ณัฐวุฒิ” คาร์ม็อบ 15 ส.ค. หรือ การประกาศขอร้องของ”ม็อบทุฟ้า”เมื่อวานที่มีกิจกรรมสาดสีชมพูที่ สตช.ตอนกลางวัน แต่ กลุ่มนี้ มีเคลื่อนไหวแบบแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการแรงมาตั้งแต่ “ม็อบ 7 ส.ค.” กลายเป็นภาพการป่วนเผา เมื่อวาน(17ส.ค.) ที่มีการ ไปเผาป้อมตำรวจของหลายสน. และปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน ซึ่งหลายฝ่ายรวมถึงฝั่งรัฐมีความกังวลการยกระดับไปสู่ความวุ่นวาย หากมีการเสียชีวิตเกิดขึ้น ในขณะที่ก็มีคำเตือนจากแวดวงนักสังเกตการณ์ม็อบ ให้ระวัง ข้อเสนอการแยกส่วน ”ม็อบดินแดง” สายบวก ที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น ให้แยกออกไปจาก ม็อบที่จัดโดย ราษฎร รีเด็ม หรือ คาร์ม็อบของ ”ณัฐวุฒิ” และ ”หนูหริ่ง” ว่าระวังจะกลายเป็นการผลักใสไปสู่อันตรายที่อาจถึงชีวิต
ที่ภาพนี้ กำลังเป็นปรากฎการณ์ความถี่เป็นรายวันแบบ “คู่ขนาน” กับสถานการณ์ “โควิด”ที่ยังไม่มี “สัญญาณบวก” แม้อยู่ใน ช่วงต่อ “มาตรการล็อกดาวน์” แต่ตัวเลขติดเชื้อเสียชีวิตยังคงน่าเป็นห่วง โดยวันนี้ ยอดตายทำนิวไฮที่ 312 ป่วย 20,515 สะสมใกล้แตะล้านในอีกไม่กี่วันนี้ที่ 948,829 ราย ที่ยิ่งตอกย้ำไปถึง “ญัตติยื่นซักฟอก” ของ ”ฝ่ายค้าน” ที่ระบุว่ารัฐบาลบริหารประเทศล้มเหลว ในการแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด เศรษฐกิจ และ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ที่กำลังล้อไปกับภาพของการแสดงความไม่พอใจของผู้คนที่เริ่มออกมาอารยขัดขืนและหลายกลุ่มเดือดร้อน เริ่มมีการไปฟ้องร้องดำเนินคดีกับ ”นายกฯลุงตู่” ที่เป็นศูนย์กลางอำนาจที่บริหารสถานการณ์โควิด แบบ ”ซิงเกิ้ลคอมมานด์” ทั้ง ทาง แพ่ง-อาญา ที่ส่วนใหญ่เป็นผลของความผิดพลาดล้มเหลวในการบริหาร
ไม่ว่าจะเป็นที่ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่น ป.ป.ช.ไต่สวนนายก ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง จงใจใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ กรณีออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อปิดปากสื่อ และประชาชน ให้ กสทช.ปิดเน็ต เช่นเดียวกับ พรรคไทยสร้างไทยของ ”สุดารัตน์” ที่ล่าชื่อประชาชน ยื่นฟ้อง ”นายกฯ” ต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ในความผิดตาม ป.อาญามาตรา 57 และ 165 ฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และปล่อยปละละเลยให้การบริหารประเทศผิดพลาดร้ายแรง และยังมีเมื่อวาน(17ส.ค.) พรรคก้าวไกล นำ ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการแก้ปัญหาโควิด ทั้ง เจ้าของร้านนวด สปา ร้านอาหาร ตลอดจนผับหรือบาร์ ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องคดีรวมกลุ่มเพื่อเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง จาก “นายกฯลุงตู่”
ที่ทั้งหมดกำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูก “มัดรวม” เป็นปัญหาเดียวกันที่พุ่งเป้าไปที่ตัว “นายกฯลุงตู่” ที่ไม่ว่าจะออกท่วงท่า หรือมาตรการอะไรออกมา ในการจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าทั้ง โควิด และ ม็อบการเมือง ไม่ว่าจะแรง หรือ เบา ก็ ล้วนแล้วแต่จะ ถูกทำให้เป็นผลในทาง ”ลบ” มากกว่า ”บวก”
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news