โจ้แข็ง-ตู่ไม่แข็ง
ตัดแทรกเป็นกระแสร้อนแรงในสังคมทันทีกับกรณีคดี “คลิปโหดคลุมหัว” ผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ของ ผู้กำกับโจ้ หรือ ”โจ้เฟอร์รารี่” ตำรวจไฮโซชื่อดัง และ ”ทีม 05” ที่ร้อนถึง ”นายกฯลุงตู่” ในฐานะประธาน กตร.ที่มีรายงานว่าสั่งตรง ”บิ๊กปั๊ด” ให้รีบไล่ล่า “โจ้” และ ”ลูกน้องตำรวจ”ทั้งชุด เพื่อ ”ปิดจ๊อบ” ก่อนกระแสบานปลาย โยงไปถึง ปมการเมือง กับ กระบวนการยุติธรรมที่” บิดเบี้ยวระบบ”เช่นที่เคยเกิดแบบ”คดีบอส”หรือ”คดีเปรมชัย” ที่มาจาก “ตัวบุคคล” หรือ “คณะบุคคล” ในจังหวะ ณ พ.ศ.ปัจจุบัน “ม็อบเด็ก” ที่มาถึงเด็กป่วน “ม็อบทะลุแก๊ส” ก็กำลังเป็น “ไม้เบื่อไม้เบา”กับ”ตำรวจ”
โดย เคส “ผกก.โจ้” นอกจากประเด็นพฤติการณ์ จะจะคาตาสังคม จากคลิปรีด 2 ล้านจากผู้ต้องหา ที่เพิ่งมาแดงขึ้นเมื่อวาน หลังมีการส่งเรื่องร้องเรียนตั้งแต่ 6 ส.ค.แต่เงียบแล้ว ยังมีประเด็นที่จะตามมาจาก “ห่วงโซ่อาหาร”ในแวดวงเสื้อสี ที่มี “จิ๊กซอร์” โยงไปถึง “ผู้ใหญ่” หรือที่เรียกว่า “นาย” ไม่นับรวมถึง ปมการขบวนการาทุจริตบางหน่วยงานราชการ กับขบวนการ “ธุรกิจรถยนต์หรู ซูเปอร์คาร์” ที่มีการพูดถึงในแวดวงตำรวจ ที่ส่งผลให้ “ตำรวจรวย” ไฮโซ อีกหลายๆคนเริ่มถูกจับตา ที่มาถึงความรวย ที่หลายรายประกอบธุรกิจสีเทาดำ ทีแน่นอนหลังจากนี้ จะเกิดเสียงทวงถามความไม่คืบหน้า “การปฏิรูปตำรวจ” ตามมาที่ “นายกฯลุงตู่” ที่กำลังวุ่นวายกับ “สงครามโควิด” ที่ยังลุ้นกันอยู่ว่า ตัวเลขติดเชื้อที่ลดจากระดับ 2 หมื่นมาอยู่ที่หมื่นกว่าๆ อย่างวันนี้ (25ส.ค.) จะเป็น “สัญญาณบวก” ที่นำไปสู่การกล้าตัดสินใจ ”ปลดล็อกดาวน์” หลังวันที่ 31 ส.ค.ที่ล็อกมาต่อเนื่อง 3 รอบแล้วหรือไม่
โดยเฉพาะจากการประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งในสธ.และศบค.ที่มีสัญญานไปสู่การ “คลายล็อก”แม้จะมี “หมอหน้างาน” บางส่วนแสดงความเป็นห่วง กับ “ความพร้อม” ทั้ง “การฉีดวัคซีน” ให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งล้อไปกับ เป้าหมายของ “นายกณลุงตู่” ในการเปิดประเทศ 120 วัน ประมาณช่วงกลางเดือน ต.ค. ทั้งความพร้อมเรื่องการตรวจเชิงรุก และ การรักษา เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยหนัก ที่จะไปบรรจบที่การ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้ได้มากกว่า หลักหมื่น ที่หลายฝ่าย ยังเป็นห่วงว่าจะ ซ้ำรอย การไม่มีแผนรองรับ ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นการคลายล็อก ที่พบว่า การล็อกดาวน์ 3 รอบ ไม่เป็นผลเท่ากับ การวางระบบ กระบวนการจัดการตั้งแต่ การป้องกัน การตรวจ และ การรักษา ที่พบปัญหา “ความไม่พร้อม”จากเวชภัณฑ์ ตั้งแต่ วัคซีน ที่ตรวจATK และ ยาฟาวิฯ ที่ถูกครหาทั้งเรื่อง “คอขวด”และปมการจัดซื้อหาจากหน่วยงานรัฐ
ดังเคส “อุปกรณ์ตรวจATK” ที่เมื่อวาน (24ส.ค.) มีการพลิกแก้ไข “ข้อสั่งการนายกฯ” ไหมจากเดิมเขียนไว้ว่า “การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจโควิด-19 แบบ Antigen Test Kit ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WTO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด” เป็น“ในเรื่องการจัดหาซื้อชุดตรวจ ATK นี้ ขอให้สาธารณสุขเร่งดำเนินการได้โดยเร็ว หากมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด” ที่วันเดียวกันองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ได้เดินหน้าจัดซื้อ ATK โดยแจ้งบริษัทที่ชนะการประมูล มาดำเนินการตามสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง ตามข้อสั่งการที่แก้ไขของ”นายกฯ”ที่ให้เร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยได้มีการลงนามในหนังสือทันทีเมื่อวาน( 24 ส.ค.)
ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้เย็นวันเดียวกัน มีการออกแถลงการณ์ฉบับที่5 “ตู่ไม่แข็ง ชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่ายจะยังคงตรวจสอบคุณภาพ ATK ที่ประมูลได้ต่อไป” โดย “หมอสุภัทร ”ประธานชมรมฯ แสดงความไม่เห็นด้วย ว่า ได้เห็นแนวโน้มของความพยายามแก้ไขข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีและมติคณะรัฐมนตรีมาตลอดสัปดาห์ และวันนี้ก็มีความชัดเจนว่า “รัฐบาลของนายกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น ไม่แข็งจริง การไม่มีหลักยึดที่มั่นชัด ไม่แข็งที่จะยืนบนหลักที่ถูกต้อง ทำให้การนำรัฐนาวาประเทศไทยสู่การฝ่าฟันวิกฤตโควิดไปได้นั้นสาหัสและเจ็บหนักมากทั้งชีวิตผู้คนและระบบเศรษฐกิจไทย” ซึ่งจากนี้ชมรมฯจะระดมทีมปฏิบัติการจากทุกภาค ทำการตรวจสอบชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการประมูลว่ามีคุณภาพทั้ง sensitivity และ specificity ดังที่อ้างหรือไม่ และว่า ATK ที่ใช้เป็น home use เกือบทุกยี่ห้อรวมทั้งยี่ห้อที่ชนะการประมูล ราคาขายปลีกในห้างในสหรัฐอเมริกาและยุโรปราคาเพียง 1 USD การที่องค์การเภสัชกรรมลดสเปกลงโดยไม่ลดราคากลางที่ 120 บาทลงไป ทำให้เราจัดซื้อได้ ATK เกรด home use ในราคากลางของ professional use เป็นการใช้เงินกู้และภาษีประชาชนอย่างไม่คุ้มค่าเลย และจะกระทบต่อการควบคุมโรคโควิดและการเปิดประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news