สธ. แจงอัตรารอเตียงลดลง ผลจากใช้ระบบ HI-CI พร้อมยันยอดหายป่วยรายวันหายป่วยจริง
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยถึงการบริหารจัดการเตียง ว่า ขณะนี้อัตราการรอคอยเตียงในส่วนของกลุ่มสีน้ำเงินกลุ่มไม่มีอาการ, กลุ่มสีเขียว, กลุ่มสีเหลือง และกลุ่มสีแดง มีจำนวนการรอเตียงลดลง หลังจากใช้ระบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI)
โดยสถานการณ์สีเหลืองอัตรารอเตียงดีขึ้นเยอะ ส่วนสีแดงยังคงมีการรออยู่บ้าง ซึ่งเจอปัญหา HI จากสีเขียวอาจเปลี่ยนเป็น กลุ่มสีเหลืองได้ เนื่องจากค่าออกซิเจนในกระแสเลือด ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แนะนำให้มาโรงพยาบาล แต่ก็มีบางส่วนที่ปฏิเสธ เนื่องจากรู้สึกว่าอาการไม่มาก ปลอดภัยดี พร้อมกันนี้ก็ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ด้วยแล้ว
ส่วนระบบ HI จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้รับการรักษาที่ดี อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า จะมีการประเมินคุณภาพของระบบ HI ซึ่งประเมินจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการว่าได้รับบริการเป็นไปตามมาตรฐานและมีคุณภาพเพียงพอหรือไม่ โดยจะนำร่องใน 3 โรงพยาบาล สังกัดกรมการแพทย์ ได้แก่ 1.โรงพยาบาลราชวิถี 2.โรงพยาบาลเลิดสิน และ3.โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
สำหรับการให้บริการระบบ HI และ CI สำหรับกลุ่มเปราะบาง ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆเข้ามาดูแลเพื่อช่วยดูแลผู้ติดเชื้อในส่วนของพิการทางจิต ได้รับความร่วมมือจาก รพ.ศรีธัญญา, รพ.สมเด็จเจ้าพระยา ส่วนโรงพยาบาลสนามเพื่อคนพิการได้รับความร่วมมือจาก รพ. สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ & สถาบันราชานุกูล
ทั้งนี้ ยังมี HI โดยสถาบันสิรินธรเพื่อคนพิการ , CI โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ ได้รับ ความร่วมมือจาก รพ.รามาธิบดี & สนามบ้านวิทยาศาสตร์สิรินธรเพื่อคนพิการ และ CI สำหรับเด็ก 7-15 ปี ณ ศูนย์สร้างสุขทุกวัย ที่เกียกกายโดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีดำเนินการร่วมกับเขตดุสิต กทม.
ส่วนยอดผู้ติดเชื้อที่หายป่วย จากการเผยแพร่โดย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในแต่ละวันหายป่วยจริงหรือไม่นั้น นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า คนไข้ที่ขึ้นหน้าจอว่าหายป่วย คือคนไข้ที่หายป่วยแล้ว ครบกำหนดเวลาการรักษา พร้อมยืนยันว่าคนไข้ที่อยู่ในความดูแล ของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขครบ 14 วัน ถึงจะมีจำหน่ายผู้ป่วยออกไป
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news