ศบค. รับป่วยเริ่มลด ย้ำ วันที่ 1 ก.ย.64 เปิดกิจกรรมประเมินผลใน 1 เดือน แจงปรับมาตรการไม่ใช่ปลดล็อก ยังคงเคอร์ฟิว เวิร์กฟอร์มโฮมอีก 14 วัน ขอเข้มงวดมาตรการเดินทางข้ามจังหวัด
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวย้ำในส่วนของข้อกำหนดออกความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน2548 ฉบับที่ 32 ที่ได้มีการประกาศใช้ โดยยังมีการแบ่งพื้นที่ 3 พื้นที่ คือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุด 37 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 11 จังหวัด หลายคนยังมองว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 กว่า 10,000 ราย เหตุใดจึงต้องรีบปลดล็อก โดยที่ประชุมศบค.จะไม่ใช้คำว่าปลดล็อกหรือผ่อนคลาย แต่ใช้คำว่าปรับมาตรการซึ่งเป็นการปรับมาตรการทั้งการควบคุมโรค ความเป็นอยู่ของประชาชน ให้อยู่ในชีวิตวิถีใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้คำว่าเซมิล็อกดาวน์ เคอร์ฟิวส์ ก็ได้ผลในบางพื้นที่ แต่ต้องอยู่ในมาตรการ และปรับบ้างในบางส่วน
ซึ่งให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมมาตรการภาครัฐและแผนการเกี่ยวกับการจัดหาและจัดสรรวัคซีน ยา เครื่องมือแพทย์ โรงพยาบาลสนาม สถานพยาบาล และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ทั้งกลุ่มบุคคล องค์กร ผู้ประกอบการ แต่ละประเภทรับทราบและแนะนำแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เพื่อให้เกิดการเตรียมความพร้อมและการปฏิบัติตน โดยเพิ่มการระมัดระวังในการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด ตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบ “ครอบจักรวาล” ซึ่งเรียกได้ว่าเดือนก.ย. จะเป็นการทดสอบระบบนี้ หากจะประกาศใช้ทั้งประเทศจะต้องมีการทดสอบระบบนี้ด้วย ทั้งนี้ยังคงไว้ถึงเคอร์ฟิวส์ระหว่าง 21.00-04.00 น. การเวิร์กฟอร์มโฮม รวมถึงมาตรการอื่นๆ ต้องยืดออกไปเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ถึงวันที่ 14 ก.ย.64
ส่วนการเดินทางจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดเข้มงวด ไปยังพื้นที่อื่นสามารถกระทำได้ รวมถึงกระทรวงคมนาคมได้กำกับดูแลการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร ให้มีการเว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้มีความแออัดจนเกินไป ซึ่งรัฐมีการออกข้อกำหนด และกระทรวงสาธารณสุขออกมาตรการ ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีมาตรการออกมาอย่างไร หากทุกคนร่วมมือกันอย่างดีตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดน้อยลง โดยจะมีการทบทวนมาตรการอีกครั้งว่าการบังคับใช้มีผลหรือไม่ในวันที่ 14 ก.ย.นี้
ศบค. รายงานไทยอันดับ 29 โลก ติดเชื้อใหม่ 15,972 ราย สะสม เสียชีวิต 256 ราย เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 176,137 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 30.95 ล้านโดส
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานตัวเลขสถานการณ์ประจำวันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม 2564 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 15,972 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 15,692 ราย ผู้ป่วยในเรือนจำ 280 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 1,190,063 ราย รักษาอยู่ 176,137 ราย รักษาในโรงพยาบาล 14,703 ราย และโรงพยาบาลสนาม 161,434 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 5,958 ราย และต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 1,062 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1,022,527 ราย หายเพิ่ม 17,281 ราย เสียชีวิตใหม่ 256 ราย รวมเสียชีวิต 11,399 คน
โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นผู้ป่วยชาย 137 ราย ผู้ป่วยหญิง 119 ราย เป็นชาวไทย 240 ราย, เมียนมา 14 ราย อังกฤษและไม่ระบุสัญชาติ ประเทศละ 1 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 79 ราย, ปริมณฑล 61 ราย, ภาคใต้ 12 ราย , ภาคอีสาน 15 ราย, ภาคเหนือ 15 ราย และภาคตะวันออก 74 ราย
ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 15,681 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 11 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุก/โรงงานและในชุมชน 1,544 ราย ค้นหาเชิงรุกในเรือนจำ 280 ราย และเข้าระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 14,137 ราย
ด้านยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทยรวม 30,954,477 โดส สะสมแบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มแรก 23,018,371 ราย เพิ่มขึ้น 211,293 ราย เข็มที่สองจำนวน 7,350,348 รายเพิ่มขึ้น 62,463 ราย และเข็มที่สามสะสมจำนวน 585,758 ราย เพิ่มขึ้น 1,432 ราย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
