Home
|
ทั่วไป

ศบค.ปัดบังคับร้านตรวจATKฉีดวัคซีนเปิดกิจการ

Featured Image
ศบค. ย้ำ ไม่บังคับฉีดวัคซีน ตรวจเชื้อ ATK ก่อนเข้าร้านอาหาร ยึดความพร้อม ขอเข้มมาตรการป้องกัน เตือน 2 สัปดาห์หากติดเชื้อพุ่งอีกอาจต้องกลับไปล็อกดาวน์อีก

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เผยว่า มาตรการควบคุมโควิดแนวใหม่ เน้นย้ำว่าเป็นอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีการเปิดตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน มีผล 29 จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ส่วนเรื่องมาตราการการฉีดวัคซีนและการตรวจด้วย ATK ที่ให้ใช้ในร้านอาหาร เน้นย้ำว่าไม่ได้เป็นการบังคับ เป็นการขอความร่วมมือสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการ หากใครพร้อมให้ดำเนินการได้เลย ซึ่งมีการกำหนดว่าให้มีการฉีดวัคซีนหรือตรวจในส่วนที่พร้อมจะเป็นพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลส่วน อีก 23 จังหวัด ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้าใจว่ายังไม่พร้อม ต้องขออภัยเนื่องจากการกระจายวัคซีนอาจจะยังไม่ทั่วถึง โดยคาดว่า 1 ตุลาคม จะเห็นความพร้อมมากขึ้น

โดย ศบค. เน้นย้ำเสมอขอให้ทางภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามหาวิธีการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ สถานประกอบการและประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจได้ หรืออาจมีการชดเชยการหาซื้อชุดตรวจ โดยกระทรวงการคลังและสภาพัฒน์ฯกำลังพิจารณาอย่างเร่งด่วน หากบางกิจการยังไม่พร้อมเปิดกิจการ แต่ยังต้องคงมาตรการสาธารณสุขอย่างเข้มงวด 2 สัปดาห์นับจากนี้ หากผู้ป่วยติดเชื้อสูงขึ้นอีก อาจจะต้องกลับไปล็อกดาวน์กันใหม่อีก

ส่วนการแสดงดนตรีในร้านอาหารทางกระทรวงสาธารณสุขขอว่า 14 วันนี้ยัง ไม่อนุญาตแม้ว่าไม่ถือเป็นสถานบริการ ซึ่งอาจมีการรวมกลุ่มคน มีความแออัดหากมีดนตรีอาจนั่งฟังเพลินและมีการเปิดหน้ากากอนามัย รวมถึงกลุ่มนักดนตรีอาจมีการเดินทางไปแสดงหลายที่ จึงต้องขอให้รอก่อน ยังไม่สามารถทำได้

ขณะร้านเสริมสวยมีข้อสรุปว่าสามารถที่จะให้บริการได้ 2 ชั่วโมงซึ่งการปฏิบัติสามารถปฏิบัติได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รวมถึงมาตราการการป้องกันครอบจักรวาลยังคงจำเป็นมากหากสองสัปดาห์นี้อะไรยังไม่จำเป็นเช่นการเดินทางที่รอได้การตัดผมมีการนัดล่วงหน้าไปในช่วงเวลาที่กระชับ หากร่วมมือกันทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชนอีก 2 สัปดาห์เราจะเห็นมาตรการที่ผ่อนคลายได้มากขึ้น

 

ศบค.พบป่วยใหม่ 14,802 ราย สะสม 1,219,531 ราย เสียชีวิตอีก 252 ราย เหลือรักษาตัวใน รพ. 166,922 คน ฉีดวัคซีนแล้ว 32.6 ล้านโดส

แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. รายงานตัวเลขสถานการณ์ประจำวันพุธที่ 1 กันยายน 2564 ประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 29 ของโลก พบผู้ติดเชื้อรายใหม่รวม 14,802 ราย แบ่งเป็นผู้ป่วยรายใหม่ 14,585 ราย ผู้ป่วยในเรือนจำ 217 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด
1,219,531 ราย รักษาอยู่ 166,922 ราย รักษาในโรงพยาบาล 24,161 ราย และโรงพยาบาลสนาม 142,761 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 4,917 ราย และต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 1,040 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 1,040,768 ราย หายเพิ่ม 18,996 ราย เสียชีวิตใหม่ 252 ราย รวมเสียชีวิต 11,841 คน

โดยผู้เสียชีวิตรายใหม่เป็นผู้ป่วยชาย 130 ราย ผู้ป่วยหญิง 122 ราย เป็นชาวไทย 243 ราย, เมียนมา 6 ราย, จีน, กัมพูชาและอินเดีย ประเทศละ 1 ราย แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร 80 ราย, ปริมณฑล 61 ราย, ภาคใต้ 20 ราย , ภาคอีสาน 24 ราย, ภาคเหนือ 13 ราย และภาคตะวันออก 54 ราย

ซึ่งผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ 14,580 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้า State Quarantine 5 ราย เป็นการค้นหาเชิงรุก/โรงงานและในชุมชน 1,688 ราย ค้นหาเชิงรุกในเรือนจำ 217 ราย และเข้าระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 12,892 ราย โดยที่จังหวัดมหาสารคาม พบปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อในพื้นที่232 ราย, ติดจากคนรู้จัก 98 ราย, ติดจากครอบครัว 18 ราย, อาศัยในพื้นที่เสี่ยง 116 ราย โดยมีการเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนา 17 ราย

สำหรับ ยอดการฉีดวัคซีนในประเทศไทยรวม 32,600,001 โดส สะสมแบ่งเป็นฉีดวัคซีนเข็มแรก 23,795,098 ราย เพิ่มขึ้น 393,633 ราย เข็มที่สองจำนวน 8,212,750 ราย เพิ่มขึ้น 431,777 ราย และเข็มที่สามสะสมจำนวน 592,153 ราย เพิ่มขึ้น 2,772 ราย จึงขอความร่วมมือจุดฉีดวัคซีนทุกแห่งทั่วประเทศ รวมถึงวัคซีนลงไปในต่างจังหวัด อย่างทั่วถึง โดยเน้นย้ำ 29 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดให้ลงในระบบด้วย หรือหากยังไม่ได้เป็นการฉีดขอให้เร่งการฉีดในเดือนกันยายนนี้ด้วย เพื่อรองรับมาตรการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ได้

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube