สธ. ย้ำ ยาโมลนูพิราเวียร์ ห้ามใช้กับเด็ก-คนท้อง
อธิบดีกรมการแพทย์ คาด ไทยได้ยาโมลนูพิราเวียร์ ธ.ค. นี้ ใช้กับกลุ่มปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรงเท่านั้น
วันนี้ (6 ต.ค. 64) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงข่าวถึงประเด็นความคืบหน้ายาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ผ่าน Facebook Live กระทรวงสาธารณสุข ว่า ข้อมูลเบื้องต้นของยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาต้านไวรัส ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการจำลองตัวเองของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เกือบทุกสายพันธุ์ที่มีอยู่ขณะนี้
โดยใช้ชื่อว่า MOVE-OUT Trail สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย – ปานกลาง และยังไม่ได้รับวัคซีน โดยให้ยาภายในระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่เริ่มมีอาการ ซึ่งผู้ป่วยจะต้องมีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรงอย่างน้อย 1 ปัจจัย ได้แก่ โรคอ้วน อายุมากกว่า 60 ปี เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ร่วมกับอาการที่ไม่รุนแรง
นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์เบื้องต้น (interim analysis) จำนวน 775 คน ได้รับยาจริง 385 คน ยาหลอก 377 คน โดยคนไข้ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์จำนวน 800 mg วันละ 2 เวลา (เช้า – เย็น) เป็นระยะเวลา 5 วัน พบไม่มีผู้เสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้ยาจริง แต่เสียชีวิตในกลุ่มผู้ให้ยาหลอก ถือว่าลดความเสี่ยงการนอนโรงพยาบาลและการเสียชีวิต ภายใน 29 วัน ประมาณ 50%
สำหรับแผนการดำเนินงานขณะนี้ บริษัท merck ที่ผลิตได้มีการยื่นขอรับรองจากจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกาให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาต้านโควิด-19 ชนิดเม็ดตัวแรกที่ได้รับรองจากสหรัฐอเมริกา โดยตั้งเป้าผลิตให้ได้สำหรับ 10 ล้านคนภายในปีนี้ ทั้งนี้ merck ยังมีแผนทำสัญญากับฐานการผลิตยาหลายแห่งในประเทศอินเดีย เพื่อให้ได้ยาโมลนูพิราเวียร์ที่มีราคาถูกให้กับประเทศที่มีรายได้น้อย – ปานกลาง ส่วนราคาที่จะขายให้ประเทศไทยขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
สำหรับโครงการ move-ahead study ที่กรมการแพทย์ร่วมการวิจัยยาป้องกันโควิด-19 กับ MSD มีการศึกษาวิจัยในหลายประเทศ โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมกับ sites ต่าง ๆ ทั้งหมด 5 รพ. โดยรพ.ราชวิธี ของกรมการแพทย์เป็น 1 ในนั้นด้วย โดยการวิจัยนี้จะเป็นการศึกษากับผู้ที่มีการสัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อโดยตรง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรออนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน คาดว่าจะเริ่มทำการวิจัยได้ต้นเดือนธ.ค. นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไทยได้ร่างสัญญาซื้อขายยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์แล้วเสร็จไปแล้วเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าอาจจะขึ้นทะเบียนในประเทศไทยประมาณปลายเดือนพ.ย. และอาจได้รับยาภายในเดือนธ.ค. 64
ทั้งนี้ เน้นย้ำว่ายาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์สามารถใช้ได้กับกลุ่มอาการน้อย – ปานกลางและควรเป็นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่ออาการรุนแรงเท่านั้น โดยยังไม่ควรใช้กับสตรีมีครรภ์และเด็ก ซึ่งยังต้องรอดูผลการศึกษาวิจัยต่อไปก่อน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news