Home
|
ทั่วไป

“อนุทิน” เร่งเครื่องฉีดวัคซีน รับมือแผนเปิดประเทศ

Featured Image
“อนุทิน” เร่งเครื่องฉีดวัคซีน รับมือแผนเปิดประเทศ แม้มีวัคซีนและแผนการรักษา แต่ต้องไม่ประมาท

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงนโยบายการคลายล็อก – เปิดประเทศ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า เป็นข้อสั่งการที่กระทรวงสาธารณสุขต้องหาทางปฏิบัติ ที่ผ่านมาได้มีการเตรียมพร้อมอยู่แล้ว โดยต้องปฏิบัติเร่งด่วน คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ล่าสุด ใน 17 จังหวัดนำร่อง มีบางพื้นที่ ซึ่งยังฉีดไม่ถึงครึ่ง ก็ต้องเร่ง ทำให้สำเร็จตามเป้า

ตอนนี้ มีวัคซีน มีศักยภาพในการฉีดแล้ว ต้องเดินหน้า เวลาลงพื้นที่ต่างจังหวัด ตนก็ให้นายแพทย์ สสจ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องฉีดวัคซีน และต้องลงลึกถึงรายละเอียด ปฏิบัติตามแผนงาน เรื่องการฉีดวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญ

ส่วนประเทศใดจะเข้ามาได้ หรือเข้ามาไม่ได้อย่างไร ให้รอทาง ศบค. ชุดใหญ่ พิจารณาข้อเสนอของ ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) หรือ ศบค. ชุดเล็ก นโยบายของนายกรัฐมนตรี คือ ต้องการเปิดประเทศ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยด้วย ถึงได้กำหนดว่า ผู้ที่จะเดินทางเข้ามาต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการ RT PCR เข้ามาแล้วก็ต้องตรวจ และต้องรอผลตรวจอีก 1 วัน จึงจะเดินทางต่อได้ ทั้งนี้ สถานการณ์ในปัจจุบัน แตกต่างจากเมื่อก่อน แม้จะมีวัคซีนและแผนการรักษาแล้ว แต่ต้องไม่ประมาท ทางกระทรวงสาธารณสุข กำลังหาแนวทางปฏิบัติ ให้นโยบายเดินต่อไปได้ โดยเรื่องความปลอดภัย ก็ต้องคงไว้เช่นกัน

ทั้งนี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่ทำให้ความปกติเกิดขึ้นได้ ก็ไม่ล่าช้าที่จะทำ ถือว่านโยบายของทนายกรัฐมนตรี ต้องให้มีการเปิดประเทศ สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยที่ได้รับวัคซีนเรียบร้อยแล้ว มีการรับรอง Fit to fly มีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทาง และเมื่อเดินทางมาถึงก็ต้องตรวจ RT-PCR อีกครั้ง ต้องสเตย์โอเวอร์ไนท์ (Stay over night) 1 คืนแรกในจุดเข้าเมือง เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ก็ต้องพักในกรุงเทพฯ 1 คืนก่อน เพื่อรอผล RT-PCR ซึ่งกรมควบคุมโรคพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดมาตรการให้เกิดความปลอดภัย

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube