ผบ.ตร. ประสานหน่วยลับสหรัฐฯ หาต้นตอเงินไหลบัตรเดบิต-เครดิต รื้อคดีเก่าร่วมพิจารณา ชำแหละ วิธีการคนร้ายมีกี่ขั้นตอน สาวถึงร้านค้า -ผู้ประกอยการ ได้ประโยชน์หรือไม่ คาดมีผู้เสียหายมากกว่า 10,000 ราย
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีมีผู้เสียหายถูกหักเงินจากบัญชีธนาคาร หรือบัตรเดบิต จำนวนหายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสมาคมธนาคารแห่งประเทศไทยสถาบันการเงินและธนาคาร ที่อย่างแรกต้องให้รู้ก่อนว่าการกระทำของคนร้ายได้ข้อมูลไปอย่างไร ไม่เช่นนั้นจะหาวิธีแก้ไขไม่ได้ โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับรายงานข้อมูลว่ามีตัวเลขยืนยันผู้เสียหายประมาณหมื่นกว่าราย แยกเป็นบัตรเครดิตประมาณ 5,000 กว่าราย และบัตรเดบิตประมาณ 4000 กว่าได้ แต่เชื่อว่า? น่าจะมีผู้ได้รับความเสียหายมากกว่านี้
โดยวิธีการของคนร้ายเรากำลังแยกแยะ กันอยู่ว่านำข้อมูลเช่นนี้มาจากไหน อย่างไร มาจากการซื้อขายออนไลน์จริงหรือไม่ หรือการนำบัญชีไปผูกไว้กับโซเชียลมีเดีย แอคเคาท์ ต่างๆ หรืออาจจะรั่วไหลมาจากระบบการชำระเงิน หรือสถาบันการเงิน ต้องมาจากอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่เช่นนั้นหาสมมติฐานไม่ได้ ถึงจะนำไปสู่การดำเนินการเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ จะมีการสืบสวนว่าใครที่ได้รับประโยชน์ร้านค้า ผู้ประกอบการ ซึ่งในชั้นต้น ขอฝากเตือนประชาชน ต้องระมัดระวังป้องกัน ในการรักษาข้อมูลบัตร ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ได้ชี้แจงไปหลายเรื่องแล้ว ทั้งการทำข้อตกลงไว้กับธนาคาร และมีการจ่ายเงินไปขอให้มีการแจ้งเตือน หรือ การกำหนดวงเงินขั้นต่ำไว้ ขอให้ระมัดระวังเรื่องดังกล่าว
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจ และพยายามประสานงานอย่างใกล้ชิด และเมื่อเช้าที่ผ่านมา ก็มีการประชุมติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และยังนำคดีเก่า มาพิจารณาดูด้วย ว่าพฤติกรรมของคนร้ายที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เราพยายามที่จะทำให้เกิดความกระจ่างมากที่สุด เอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ อีกทั้งเราได้มีการประสานงานกับหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศ หรือ Secret Service ของสหรัฐอเมริกา เพื่อติดตามเรื่องดังกล่าวในขณะที่ตนเอง ก็มีการพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่มาหลายครั้งแล้ว ในการนำข้อมูลเช่นนี้ ไปใช้ ซึ่งคงต้องใช้ความร่วมมือหลายฝ่าย ขอยืนยันว่าเราดำเนินการต่อเนื่อง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news