“หมอยง”ชี้ พัฒนาวัคซีนโควิดเชื้อเป็นพ่นจมูก ไม่ต่างจากคซีนไข้หวัดใหญ่ มีข้อจำกัดเหมือนกัน
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว”Yong Poovorawan” เรื่อง”โควิด-19 วัคซีน วัคซีนเชื้อเป็น แบบพ่นจมูก บทเรียนจากไข้หวัดใหญ่ว่า ในการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ประเทศไทยก็เตรียมพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น เชื้อจะไวต่ออุณหภูมิที่สูงเมื่อพ่นเข้าจมูก จะติดเชื้ออยู่ในโพรงจมูกเท่านั้นไม่สามารถลงไปในปอดได้ เพราะจะทนอุณหภูมิของร่างกายที่ 37 องศาในร่างกายไม่ได้ เชื้อจะกระตุ้นให้เกิดภูมิต้านทานต่อไข้หวัดใหญ่ได้เป็นอย่างดี เหมือนกับติดเชื้อในธรรมชาติ ในปีนั้นประเทศไทย รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศรัสเซียและพยายามจะนำมาพัฒนาไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อเป็น สายพันธุ์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ยังจำได้ดีและก็ไม่ไปถึงไหนเพราะถึงทำขึ้นมา ก็ไม่ตอบสนองวัตถุประสงค์ในการป้องกันการป่วยตาย องค์การเภสัชกรรมเปลี่ยนมาเป็นเชื้อตายทีหลัง และที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในไทยก็เป็นเชื้อตายทั้งสิ้น
ขณะเดียวกัน ก็มีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ที่ใช้พ่นจมูกในอเมริกาและทางตะวันตก มีชื่อว่า FluMist ของบริษัท MedImmune เป็นเชื้อเป็น ใช้สเปรย์ใส่จมูก ไวรัสนี้จะไม่ทนความร้อนไม่สามารถลงปอดได้
เนื่องจากเป็นเชื้อเป็น จึงไม่สามารถให้ในผู้มีภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่นเด็กเล็กต่ำกว่า 2 ปี ผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปี ผู้ที่กินยากดภูมิต้านทาน ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง คนท้อง ผู้ที่กินยาอักเสบ aspirinเพราะว่าจะเกิด Reye syndrome โดยสรุปก็คือกลุ่มเสี่ยงที่เป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วจะได้รับอันตรายเป็นปอดบวมถึงชีวิต ไม่สามารถให้ได้ ให้ได้เฉพาะคนแข็งแรงที่เป็นโรคแล้วไม่รุนแรงในทางปฏิบัติจริง การใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ เราจะเน้นป้องกันกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว ที่เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วจะเกิดอันตรายถึงชีวิต ถ้าวัคซีนใช้ได้เฉพาะคนที่แข็งแรงโดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่น จึงสวนทางกับความเป็นจริง ในจุดมุ่งหมายการให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ที่ต้องการลดการป่วยตาย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news