กรมอนามัย ย้ำ ร้านอาหารในแหล่งท่องเที่ยว ยกการ์ดสูงเข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 พบสายพันธุ์โอไมครอน 65 ประเทศ
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาว ทำให้แหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะในสถานประกอบการร้านอาหารควรมีการเฝ้าระวังความเสี่ยงตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง จึงเน้นย้ำให้ทำความสะอาดโต๊ะทันทีหลังใช้บริการ และจัดทำสัญลักษณ์แสดงการทำความสะอาด,ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมและห้องน้ำทุก 1-2 ชั่วโมง ,จัดอุปกรณ์กินอาหารเฉพาะบุคคล กรณีที่ต้องกินหม้อหรือภาชนะเดียวกัน ต้องจัดอุปกรณ์ตักอาหารเฉพาะบุคคลเช่นเดียวกันและต้องใช้ช้อนกลางส่วนตัว,กรณีจัดบริการอาหารรูปแบบผู้บริโภคบริการตนเองหรือบุฟเฟต์ ต้องจัดบริการถุงมือให้กับผู้บริโภคในขณะใช้,จัดบริการเจลแอลกอฮอล์ประจำทุกโต๊ะ หรือบริเวณที่เข้าถึงง่าย กรณีศูนย์อาหารให้จัดบริการเจลแอลกอฮอล์ประจำร้านหรือประจำทุกแผง,เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลและโต๊ะกินอาหาร 1-2 เมตร หากมีพื้นที่จำกัดมีระยะไม่ถึง 1 เมตร ให้ทำฉากกั้น ในกรณีพื้นที่มีเครื่องปรับอากาศ เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะ 2 เมตร และไม่นั่งตรงข้ามกันโดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการไม่ให้แออัด หรือ มีความหนาแน่นผู้ใช้บริการไม่เกิน 1 : 4 ตารางเมตร และปฏิบัติตามมาตรการของพื้นที่ ,จำกัดระยะเวลากินอาหารไม่เกิน 2 ชั่วโมง และมีการจัดการระบบระบายอากาศ โดยเปิดประตู หน้าต่าง อย่างน้อย 30 นาที ก่อนเปิด – ปิดระบบปรับอากาศ และมีการระบายอากาศที่เหมาะสมต่อจำนวนคน รวมทั้งพื้นที่ปรับอากาศให้เปิดระบายอากาศในพื้นที่กินอาหารทุก 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้ผู้รับบริการคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้าร้านด้วย “ไทยเซฟไทย” อยู่เสมอ และสวมหน้ากากอนามัยให้ถูกต้องตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินอาหารเท่านั้น และนั่งกินอาหารหรือใช้บริการ ในร้านอาหารไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง สำหรับผู้ใช้บริการที่ต้องการเข้าร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ ควรฉีดวัคซีนครบ ตามเกณฑ์ที่กรมควบคุมโรคกำหนด หรือมีผลตรวจ ATK เป็นลบไม่เกิน 7 วัน และต้องปฏิบัติตามมาตรการUP-DMHTA อย่างเคร่งครัด
ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์โควิด-19 พบสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ทั่วโลกแล้ว 65 ประเทศ
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news