“หมอยง”เตือน ฉีดเข็ม 4 ควรรอข้อมูลมาใช้ประกอบพิจารณาก่อน แนะห่างเข็ม 3 อย่างน้อย 6 เดือน ใช้เมื่อจำเป็นและถึงเวลา
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง วัคซีนโควิด-19 มีคำถามถึงเข็ม 4 กันแล้ว ว่า โรคโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ วัคซีนก็ใหม่ การดำเนินการอะไรจำต้องอาศัย องค์ความรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อประโยชน์สูงสุด และลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น การต่อสู้ต้องใช้เวลายาวนานมาถึงเวลานี้ เราทราบว่าการให้วัคซีนเบื้องต้น ป้องกันได้ระดับหนึ่ง จำเป็นต้องกระตุ้นเข็ม 3 ที่ให้ภูมิต้านทานสูงและอยู่นาน ขอให้ทุกคนได้ครบ 2 เข็ม และกระตุ้นเข็ม 3 ก่อน เข็ม 4 ไว้ใช้เมื่อจำเป็นและถึงเวลา และรอเวลาอีกหน่อย ให้องค์ความรู้เพิ่มขึ้น หรือมีการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่
1. การฉีด 3 เข็ม อย่างในประเทศไทย ที่มีการกระตุ้นด้วย AZ ตามหลังเชื้อตาย หรือ Pfizer Moderna ก็น่าจะเพียงพอในระดับหนึ่ง และรอผลการศึกษาประสิทธิภาพและการลดลงของภูมิต้านทาน
2. การฉีดวัคซีนระยะใกล้กัน เช่น เข็ม 3 กับ เข็ม 4 ที่ใกล้กัน การกระตุ้นภูมิต้านทานจะสู้ที่ห่างออกไปไม่ได้ (ยิ่งห่างยิ่งดี) การกระตุ้นได้ดีกว่า เหมือนน้ำเต็มขัน ยังไม่ทันลด ถึงเติมไปก็ไม่ได้ประโยชน์มาก ร่างกายยังมีหน่วยความจำช่วยได้อีก วัคซีนระยะห่าง ยิ่งห่างยิ่งกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี แต่ห่างมากไป เกรงว่าจะติดเชื้อแทรกกลางเสียก่อน จุดสมดุลต้องมี
3. การให้วัคซีนมากครั้ง เสี่ยงกับอาการข้างเคียงที่มากขึ้น เช่นการให้ mRNA ถึง 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 อาการข้างเคียงมากกว่าครั้งแรก เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ครั้งที่ 3 พบว่ามีต่อมน้ำเหลืองโตมากกว่า 2 ครั้งแรก ในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อจะมีผลอย่างไร ไม่มีใครรู้ คงต้องรอข้อมูลการติดตามผล และองค์ความรู้เพิ่มเติม
ถึงแม้ว่าจะมีภาคเอกชนให้แสวงหาได้ หรือจองไว้แล้ว เลื่อนได้ ให้เลื่อนไปก่อน (เข็ม 4) ในการที่จะได้รับถึง 4 เข็ม จากข้อมูลทั้งหมด การได้รับครบ 3 ครั้งแล้ว ขอให้รอข้อมูลก่อน ในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะมีไวรัสตัวใหม่อะไรอีก อย่างน้อยก็ 6 เดือน หลังเข็ม 3 หรือมีข้อมูลใหม่มาช่วยในการพิจารณา ว่าจำเป็นต้องให้เร็วกว่านั้น
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news