Home
|
ทั่วไป

อนุทิน’ สื่อตั้งฉายา ‘ว้ากซีน’

Featured Image
อนุทิน’ พอใจสื่อทำเนียบตั้งฉายา ‘ว้ากซีน’ กระตุ้นคนไทยฉีดวัคซีน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ตั้งฉายา “ว้ากซีน” ซึ่งล้อมาจากคำว่า “วัคซีน” จากกรณีประชาชนตำหนิเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน ซึ่งนายอนุทิน มักจะออกมาโต้ตอบอย่างดุเดือด ผ่านสื่อและโซเชียลอยู่บ่อยๆ โดยนายอนุทินขอบคุณสื่อทำเนียบ และบอกว่าดี มีคำว่าวัคซีนมากๆ จะวัคซีนหรือว้ากซีน ก็สะท้อนการทำงานของตนเอง และยิ่งเป็นเรื่องดีหากคำว่า “ว้ากซีน” หรือ”วัคซีนเต็มแขน”ไปเข้าหูประชาชนแล้วกระตุ้นการไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทั้งนี้ หากสามารถตั้งฉายาให้ตัวเองได้ จะตั้งว่าอะไร นายอนุทินอมยิ้มก่อนบอกว่าอย่าเลย คิดไม่ออก ขอทำงานทุกวันดีกว่า

 

ส่วนฉายา “ยื้อยุทธ์” ของรัฐบาลนี้ นายอนุทินหัวเราะก่อนบอกว่าก็ดี ให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอยู่ครบเทอมเพราะทุกคนทำงาน ไม่ต้องยื้อ ถ้าไม่มีผลงานดีคงอยู่ไม่ถึงวันนี้ เมื่อถามว่าโกรธเคืองที่สื่อตั้งฉายานี้ให้หรือไม่นายอนุทินตอบว่า ไม่เคือง ดีเสียอีกที่สื่อให้คุณค่าตั้งฉายาให้ ก่อนทิ้งท้ายว่าภูมิใจเพราะภูมิใจไทย นอกจากนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนายอนุทินยังขอของขวัญปีใหม่จากประชาชน พร้อมพนมมือเหนือหัวให้คนไทยใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง เพื่อเป็นของขวัญให้บุคลากรด้านสาธารณสุข

 

 

 

อนุทิน’ มั่นใจคุมโอไมครอนได้ ปชช.ต้องร่วมมือ ด้านคลัสเตอร์งานคอนเสิร์ตสุรินทร์ เร่งสอบสวนโรค

 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่เริ่มระบาดในประเทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางกระทรวงรับทราบเรื่องไม่ได้นิ่งเฉย ส่วนกรณีการรับท่องเที่ยวผ่านระบบ Test & Go โดยจะไม่เปิดให้ลงทะเบียนเข้าไทยเพิ่มอีก จนกว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประเมินสถานการณ์ อีกครั้ง ในวันที่ 4 ม.ค.2565 ควรจะมีการปรับทันทีหรือไม่ เนื่องจากว่ามีการติดเชื้อจากระบบ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า ทราบอยู่แล้วว่า ในจำนวน 200,000 คน จะมีการตรวจพบ แน่นอนว่าอาจมีการเล็ดรอดของผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนจริง แต่ตอนนี้หน่วยสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งติดตามและควบคุมไม่ให้ขยายวงกว้างไปได้ ทั้งนี้ มองว่าสายพันธุ์ดังกล่าว ไม่ได้มีความรุนแรงไปกว่าสายพันธุ์อื่น การที่ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะช่วยลดปัญหาการติดเชื้อนี้ได้มากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการติดเชื้อเพียงแต่ลดอาการป่วยเมื่อได้รับเชื้อแล้วเพียงเท่านั้น

ส่วนกรณีคลัสเตอร์งานคอนเสิร์ตจังหวัดสุรินทร์ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคตามกระบวนการ ได้สังการให้จัดการกับผู้จัดงานและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว พร้อมบอกว่าเข้าใจว่าช่วงนี้ต้องมีการจัดงานตามเทศกาล หากยกเลิกไม่ให้มีการจัดงานรื่นเริงหรือกิจกรรมช่วงส่งท้ายปีเก่าก็ทำให้ได้แต่ไม่อยากให้เกิดความเดือดร้อนกับอีกหลายๆคน เพราะเชื่อว่าการร่วมมือของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเมื่อรวมกับการจัดการของกระทรวงสาธารณสุขเชื่อว่าจะควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์นี้ได้ ที่ผ่านมาจะเห็นว่า เมื่อประชาชนร่วมมือ ตัวเลขผู้ติดเชื้อตัวเลขผู้เสียชีวิตก็ลดลงไปตามกัน รวมไปถึงสถานบริการต้องเน้นย้ำมาตรการ COVID Free Setting ทั้งส่วนผู้ให้บริการและส่วนผู้มารับบริการ ถ้าเกิดที่ไหนมีมาตรการไม่เคารพแนวทางหรือระเบียบที่วางไว้ ทางกระทรวงสาธารณสุขก็ต้องยกเลิกกิจกรรมทั้งหมด และขอแสดงความเสียใจกับคนที่จัดเพราะสุดท้ายถ้าไม่ทำตามกฎกติกาที่สัญญาไว้ก็จำเป็นต้องใช้อำนาจในการยุติ พร้อมบอกอย่างมั่นใจว่า จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอนได้

 

 

สธ.จับมือเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุปีใหม่’65 เน้น “ไม่เมา สวมหมวก ใส่แมสก์” วอนปชช.ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย

 

วันนี้ (27 ธันวาคม 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงข่าว ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” โดยมีหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวว่า ช่วงวันหยุดปีใหม่ 2564 (29 ธันวาคม 2563 – 4 มกราคม 2564) เกิดอุบัติเหตุรวม 3,333 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 392 ราย ผู้บาดเจ็บ 3,326 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว 33.60% และดื่มแล้วขับ 33.06% ดังนั้น เทศกาลปีใหม่ 2565 ที่จะมาถึงนี้ ซึ่งประเทศไทยยังอยู่ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ขอให้ประชาชนยังคงเข้มงวดมาตรการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง โดยคิดเสมอว่าตัวเราและคนที่อยู่รอบตัวอาจเป็นผู้ติดเชื้อ

ส่วนการเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือเดินทางท่องเที่ยว ขอให้ ยึดหลัก “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” และมาตรการ ไม่เมา หากไปงานเลี้ยงและต้องขับรถ ต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ สวมหมวก สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ที่ขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อลดความรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ ใส่แมสก์ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น เมื่อต้องเข้าแหล่งชุมชน ช่วยป้องกันการรับและแพร่เชื้อโควิด-19 นายอนุทิน ยังกล่าวว่า หากประชาชนปฏิบัติตามนโยบาย “ไม่เมา สวมหมวก ใส่แมสก์” และมาตรการ “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม” ถือว่าเป็นของขวัญอันล้ำค่าที่ประชาชนมอบให้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube