‘อนุทิน’ ลั่น โควิดไทยยังควบคุมได้ ชี้ ป่วยหนัก-เสียชีวิตน้อยลงเพราะฉีดวัคซีน
วันนี้ (7 ก.พ. 65) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ร่วมตอบคำถามสื่อมวลชนกรณีสถานการณ์โรคโควิด-19 ในประเทศไทย
นายอนุทิน กล่าวว่า สถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้ ถึงแม้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อดูจำนวนผู้ติดเชื้อรุนแรง อาการหนัก และเสียชีวิต ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ยังอยู่ในระดับที่น้อยลงและสามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่กรมควบคุมโรค สามารถควบคุมได้และได้คาดการณ์ไว้แล้ว นอกจากนี้ สาเหตุการเสียชีวิตตามที่ได้รับรายงานนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการรับวัคซีน โดยมากกว่า 80% ของผู้เสียชีวิตคือผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน และอยู่ในกลุ่ม 608 (กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, กลุ่มผู้ป่วย7 โรคเสี่ยง และกลุ่มหญิงตั้งครรภ์) ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าจริงๆแล้วหนทางที่ทำให้ทุกคนปลอดภัยจากโรคโควิด-19ยังมีอยู่
นายอนุทินยังกล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ทั่วโลกจะเห็นได้ชัดว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะมีจำนวนที่มากกว่าประเทศไทยมาก ไม่ว่าจะเทียบตามอัตราส่วนประชากร ก็ยังเห็นได้ว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีกว่าเพราะคนไทยให้ความร่วมมือ แต่อย่างไรก็ตาม ยังอยากให้มีความร่วมมืออย่างเต็มที่มากกว่านี้ ดังนั้นการรับวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งในวันนี้คนไทยได้รับวัคซีนรวมแล้วกว่า 90% และอัตราผู้เสียชีวิตไม่ได้เพิ่มขึ้น ยิ่งจำนวนผู้ป่วยหนักยิ่งชัดเจนว่าน้อยลงมาก รวมถึงยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังมีความพร้อมอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ HI (Home Isolation) ที่ได้เตรียมไว้เพื่อรองรับด้วย ถ้าประชาชนให้ความร่วมมือต่อไป ไม่พาตัวเองไปในที่คนหมู่มากและระมัดระวังตัวเองตลอดเวลามันก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้กล่าวว่า ขณะนี้โรคโควิด-19 ในประเทศไทย อยู่ในสถานการณ์ที่เคยได้ประเมินคาดการณ์ไว้แล้ว ส่วนความน่ากังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตนั้น ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยประสบสถานการณ์ที่แย่ที่สุดคือมีผู้เสียชีวิตกว่า 2% ต่อวัน แต่ในขณะนี้สามารถคุมจนต่ำกว่า 1% ได้แล้ว เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ต่ำ
ส่วนเรื่องของวัคซีนก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าสำหรับเข็มที่ 1 และ2 การฉีดวัคซีนต้องรวมกันได้ไม่ต่ำกว่า 80% และในส่วนของเข็ม3 ต้องได้ 80-90% ของ 2 เข็มแรก หรือคิดเป็นจำนวน 70% ของประชากร ทั้งนี้การฉีดวัคซีนกระตุ้นโดยเฉพาะในเข็มที่ 4 นพ.โอภาส ได้กล่าวว่าควรอย่างยิ่งที่ผู้คนในพื้นที่สีฟ้าควรฉีดอย่างครอบคลุมที่สุด เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีคนเข้าออกเป็นจำนวนมากและมีความเสี่ยงสูง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews