ปลัด สธ. กำชับทุกจังหวัดเร่ง SAVE กลุ่ม 608 เผย “เจอ แจก จบ” ให้บริการแล้วกว่า 2 แสนราย
วันนี้ (16 มีนาคม 2565) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยรายงานผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ 23,945 ราย รักษาหาย 23,339 ราย กำลังรักษา 221,972 ราย จำนวนนี้เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 1,401 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 507 ราย และมีผู้เสียชีวิต 70 ราย ในภาพรวมยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนมาก ทำให้พบผู้ป่วยปอดอักเสบ ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ และผู้เสียชีวิต มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตาม
โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปและกลุ่มโรคเรื้อรังที่ยังไม่ได้รับวัคซีน โดยส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดคนในครอบครัวและคนรู้จัก ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกันที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเป็นระยะเวลานาน เช่น รับประทานอาหาร ดื่มสุรา ทั้งในงานเลี้ยง ที่บ้าน ที่ทำงาน ร้านอาหาร และแพร่เชื้อต่อให้กับกลุ่ม 608 ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทำให้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตตามมา
“กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ทุกจังหวัดเร่งมาตรการ SAVE 608 ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 เข็มกระตุ้นในผู้ที่รับวัคซีนครบ 2 เข็มเกิน 3 เดือน เพื่อลดการแพร่เชื้อสู่กลุ่ม 608 โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ปริมณฑล จังหวัดที่มีประชากรจำนวนมาก และจังหวัดนำร่องท่องเที่ยว และขอให้คงมาตรการป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา หากเกิดการติดเชื้อและเป็นกลุ่มสีเขียว คือ ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย สามารถเข้ารับบริการแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวเองที่บ้าน (OPSI) หรือ เจอ แจก จบ ได้” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า ผลการดำเนินงาน “เจอ แจก จบ” ตั้งแต่วันที่ 1-13 มีนาคม 2565 ในพื้นที่ 12 เขตสุขภาพทั่วประเทศ มีผู้เข้ารับบริการสะสม 207,534 ราย เฉลี่ยต่อวัน 15,964 ราย สถานพยาบาลเปิดบริการแล้ว 513 แห่ง
โดยเขตสุขภาพที่ 12 มีศักยภาพรองรับผู้ป่วยต่อวันสูงสุดถึง 14,580 ราย และมีผู้เข้ารับบริการเฉลี่ยต่อวัน 3,993 ราย ส่วนพื้นที่ กทม. มีผู้ป่วยเข้ารับบริการประมาณ 11,203 ราย เป็นโรงพยาบาลสังกัดสำนักการแพทย์ 6,740 ราย สังกัดกรมการแพทย์ 4,463 ราย
สำหรับโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 4, 5 และ 6 ที่ช่วยรองรับผู้ป่วยพื้นที่ กทม. มีผู้รับบริการ 15,893 ราย
อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง 65% จ่ายยารักษาตามอาการมากที่สุด 52% จ่ายยาฟ้าทะลายโจร 24% และจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ 26% ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้สะดวกรวดเร็วขึ้น และช่วยลดปัญหาตกค้างในการเข้าระบบรักษาผ่านสายด่วน 1330 ได้อย่างดี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews