Home
|
ทั่วไป

ชป.เพิ่มการระบายน้ำลดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา

Featured Image
กรมชลประทาน  เพิ่มการระบายน้ำลดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปาและเพาะปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น กรมชลประทาน จึงได้เพิ่มการระบายน้ำเพื่อเจือจางความเค็ม และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดี  กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามการตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง เมื่อวันที่  30 มกราคม 2564 เวลา 20.00 น. มีค่าความเค็มอยู่ที่ 2.50 กรัมต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ส่งผลกระทบต่อ   การผลิตน้ำประปาของการประปานครหลวง(บริเวณสถานีสูบน้ำดิบสำแล จ.ปทุมธานี)และการเพาะปลูกไม้ผล     ไม้ยืนต้น กรมชลประทาน ได้เพิ่มการระบายน้ำเขื่อนพระรามหกจากเดิมระบาย 20 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 25 ลบ.ม.ต่อวินาที ตั้งแต่วันนี้(31 ม.ค. 64) และจะทยอยปรับการระบายเพิ่มขึ้นเป็น 30 ลบ.ม.ต่อวินาที ไปจนถึงวันที่   2 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อประหยัดน้ำต้นทุน โดยเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จาก 35 ลบ.ม.ต่อวินาที เป็น 45 ลบ.ม.ต่อวินาที ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตอนบน ทั้งนี้ เพื่อให้การควบคุมค่าความเค็มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม จึงขอความร่วมมือประตูระบายน้ำและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าทุกแห่งที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงมาจรดอ่าวไทย ให้งดการรับน้ำหรือสูบน้ำในระยะนี้

ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โครงการชลประทานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำโดยใช้อาคารชลประทานควบคุมการรับน้ำ เพื่อป้องกันความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่การเกษตร ลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

Website : https://www.innnews.co.th/

 

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube