‘ไทยศรีวิไลย์’ ลงพื้นที่อ่างทอง ร่วมขบวนแห่สิงโตในงานศาลเจ้าพ่อกวนอู พร้อมพา ‘กุ้งพลอย’ แนะนำตัวเพื่อขอเสียงสนับสนุน
‘มงคลกิตติ์’ ประกาศเดินหน้าเลือกตั้งด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามอย่าง ‘เจ้าพ่อกวนอู’ ฟุ้ง ‘กุ้งพลอย’ กระแสตอบรับดี เป็นตัวเต็งในพื้นที่ ลุ้นปักธงไทยศรีวิไลย์ ในอ่างทองได้ ด้าน ‘กุ้งพลอย’ วอนรัฐบาล เร่งทำผลงานก่อนยุบสภา ด้วยการดำเนินการเยียวยาชาวอ่างทองที่ถูกน้ำท่วม
พรรคไทยศรีวิไลย์ นำโดย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์-หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วย นายสรกฤช จันทรคณา โฆษกพรรค นางสาวณัฐปภัสร์ วรธันย์ผาสุข รองโฆษกพรรค นางสาวกฤษยากร สรชัย ผู้ช่วยเหรัญญิกพรรค นายอนุรักษ์ อมรเมตตาจิต ผู้ช่วยเลขาธิการพรรค นายอดิศร สังข์จันทร์ กรรมการบริหารพรรค นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย(ทนายแม๊) ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสกลนคร เขต 1
เดินทางมาร่วมงานประเพณีโคมไฟเจ้าพ่อกวนอู ศาลเจ้าพ่อกวนอู อ.เมือง จ.อ่างทอง และได้พา นางสาวกนิษฐรินทร์ พัชรภักดีโชติ หรือ ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์ หรือ กุ้งพลอย รองโฆษกพรรค และ ว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัด อ่างทอง เขต 2 แนะนำตัวให้กับชาวอ่างทองได้รู้จัก และขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้
โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวว่าตนและคณะได้มาร่วมขบวนแห่สิงโต เพื่อแห่โคมไฟไปยังศาลเจ้าพ่อกวนอู ตามประเพณีอันดีงามของทางจังหวัด ทั้งนี้ ตนทราบมาว่า ภายในศาลฯ มีเทพเจ้า กวนอู ซึ่งได้รับการยกย่องทั่วไปว่า เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ที่คนจีนและคนไทยนิยมกราบไหว้ ถือเป็นการแสดงสัญลักษณ์ให้คนอ่างทอง และคนไทยทั้งประเทศเห็นว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ จะดำเนินวิถีทางทางการเมืองในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โดยเฉพาะการยึดมั่นแนวทาง ‘4 ไม่’ คือ ‘ไม่ยุบ ไม่รวม ไม่ดูด ไม่ซื้อ’
ซึ่งถือหัวใจสำคัญ ที่จะทำให้ระบอบการปกครองประชาธิปไตยฯ เป็นการปกครองที่อำนวยประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ การที่ตนพา นางสาวกนิษฐรินทร์ มาแนะนำตัวให้ชาวบ้านในเขตพื้นที่เมืองรู้จัก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่พื้นที่ที่ นางสาวกนิษฐรินทร์ ประสงค์จะลงสมัครนั้น เนื่องจากว่า ต้องการให้คนอ่างทองทั้งจังหวัดที่มาเที่ยวงานประเพณีโคมไฟเจ้าพ่อกวนอู ได้บอกต่อๆ กันไปทั่วว่า พรรคไทยศรีวิไลย์ที่รวมคนธรรมดาๆ ที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยมือของประชาชน ได้ส่งเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไขว่คว้าหาโอกาสเพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเอง
โดยฝึกฝนตัวเองจนกลายเป็นสตั๊นเกิร์ลที่มีชื่อเสียงระดับโลก เข้าร่วมแข่งขันรายการเรียลลิตี้ ‘บิ๊กบราเธอร์ไทยแลนด์ ซีซั่น 2’ จนได้รับเสียงโหวตจากประชาชนเกือบ 66 % ให้เป็นผู้ชนะการแข่งขัน และได้ทำงานวงการบันเทิงอยู่เสมอๆ จนกระทั่ง เด็กผู้หญิงคนนั้น ต้องการที่จะนำประสบการณ์และข้อผิดพลาดในอดีต มาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่บ้านเกิด จึงได้มาเสนอตัวกับพรรคไทยศรีวิไลย์ และทางคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ก็เห็นว่า นางสาวกนิษฐรินทร์มีความเหมาะสม
รวมทั้ง มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ฯ ดังนั้น ตนจึงขอให้ชาวอ่างทองเขต 2 โดยเฉพาะชาว อ.แสวงหา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนางสาวกนิษฐรินทร์ ช่วยสนับสนุนให้คนธรรมดาได้มามีโอกาสเป็น ส.ส. ในการเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ด้วย
“ขณะนี้ในการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง ทั้ง 2 เขต ถือว่าดุเดือดไม่แพ้พื้นที่อื่นๆ เพราะเห็นว่า นอกจากมีบ้านใหญ่ที่ยึดครองผูกขาดเก้าอี้มายาวนาน มาป้องกันแชมป์แล้ว ยังมีพรรคการเมืองที่มีอดีต ส.ส. และอดีตคนสนิทของบ้านใหญ่ มาร่วมแคมเปญ ‘แลนด์สไลด์’ ในการต่อสู้ครั้งนี้ จนทำให้ คนที่เคยอยู่และร่วมต่อสู้กับขบวนการประชาธิปไตยในอดีต ต้องออกจากโผผู้สมัครอย่างเจ็บช้ำ
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศในวันนนี้ ผมตื่นเต้นและขนลุกเป็นอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่า ประชาชนจะให้การต้อนรับ นางสาวกนิษฐรินทร์ และพรรคไทยศรีวิไลย์ จำนวนมาก หลายคนให้กำลังใจกับนางสาวกนิษฐรินทร์ บนเส้นทางสายการเมือง ดังนั้น ผมเชื่อว่า นางสาวกนิษฐรินทร์ ไม่ใช่แค่ไม้ประดับหรือสร้างสีสัน เท่านั้น แต่เป็นตัวเต็งอีกคน ที่จะสามารถสู้กับบรรดาผู้สมัครได้อย่างสูสี จนมีโอกาสปักธงพรรคไทยศรีวิไลย์ได้ในที่สุด” นายมงคลกิตติ์กล่าว
ทางด้าน นางสาวกนิษฐรินทร์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ร่วมลงพื้นที่พร้อมกับนายมงคลกิตติ์ และได้ลงพื้นที่ภายในเขตเลือกตั้งของตนนั้น ก็ได้รับกำลังใจ และรับทราบปัญหาของชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาการที่รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจที่จะช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อช่วงตุลาคม – ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในพื้นที่ จ. อ่างทอง
มีประชาชนได้รับผลกระทบ จำนวน 6 อำเภอ 46 ตำบล 252 หมู่บ้าน 13,423 ครัวเรือน ซึ่งเขารอความหวังว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือ เพราะเกรงว่า หากไม่ดำเนินการช่วยเหลือก่อนยุบสภาแล้ว จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมายจนรัฐบาลคาดไม่ถึง ดังนั้น ตนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเยียวยาประชาชนรัวเรือนละ 30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 402,690,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากดูตัวเลขอาจจะเหมือนเยอะ แต่หากรัฐบาลดำเนินการเยียวยาอย่างเป็นธรรมแล้ว เงินจำนวนนี้ สามารถซื้อหาอุปกรณ์ในการซ่อมแซมบ้านเรือน อุปกรณ์ทางการเกษตร จนสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับระบบเศรษฐกิจ และเป็นภาษีคืนย้อนกลับไปยังรัฐบาล
รวมทั้ง ยังสามารถตั้งหลักให้กับชีวิตได้สู้ต่อไปอีกด้วย เพราะฉะนั้น ก่อนที่รัฐบาลยุบสภา ก็ควรที่จะสร้างผลงานดีๆ ให้ลูกหลานและชาวบ้านจดจำบ้าง ก็คือ เร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาน้ำท่วมให้กับชาวบ้านทั่วประเทศไทยโดยด่วนที่สุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews