ศบค.ชงลดวันกักตัวนทท.เข้าไทยแบ่ง3กลุ่ม
ศบค.ชุดเล็ก เตรียมชงลดวันกักตัว 3กลุ่ม “7 วัน-10 วัน และ 14 วัน ทบทวนแผนการกระจายวัคซีน กลุ่มเป้าหมายใน 22 จังหวัด เฝ้าระวังคลัสเตอร์เชื่อมโยงจากกรุงเทพฯ
แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. เปิดเผยว่า จากการประชุม ศบค. ชุดเล็กจะมีการเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เรื่องการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จากเดิมกักตัว 14 วัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่กักตัว 7 วัน สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส กลุ่มผู้กักตัว 10 วัน สำหรับกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสและกลุ่มผู้กักตัว 14 วัน เป็นกลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีเชื้อสายพันธุ์กลายพันธุ์ตามกระทรวงสาธารณสุขกำหนด จะต้องกักตัวให้ครบ 14 วัน
ซึ่ง 3 กลุ่มนี้จะมีการนับเวลาที่ 00.00 น. ถึง 18.00 น. โดยหากเดินทางถึงไทยเวลา 18.00 น. ให้นับเป็นวันที่ 1 ของการกักตัว แต่หากเดินทางถึงไทยเวลา 19.00 น. ให้นับวันรุ่งขึ้นเป็นวันกักตัววันที่ 1 ขณะที่การตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางเข้าไทยสำหรับต่างชาติจะต้องมีผลเป็นลบสำหรับกลุ่มแรกที่ต้องกักตัว 7 วัน จะถูกตรวจหาเชื้อโควิดในวันที่ 5-6 ส่วนคนไทยที่ไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อ เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยจะต้องได้รับการ Swab ตั้งแต่เมื่อเดินทางมาถึง และตรวจอีกครั้งเมื่อวันที่ 5-6
กลุ่มที่สองที่ต้องกักตัว 10 วัน จะถูกตรวจโควิด 2 ครั้ง ครั้งแรก คือ วันที่ 3-5 และครั้งที่สอง คือ วันที่ 9-10
และกลุ่มสุดท้ายที่ต้องกักตัว 14 วัน จะได้รับการตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง คือ เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ครั้งที่สองในวันที่ 6-7 และครั้งสุดท้ายคือ วันที่ 12-13 นอกจากนี้ยังกำหนดด้วย ว่า ผู้กักตัวทั้ง 3 กลุ่ม จะต้องอนุญาตให้มีระบบติดตามตัวจนครบ 14 วัน แม้ว่าจะออกจากสถานกักกันแล้วโดยจะให้มีผลในวันที่ 1 เมษายนนี้
แพทย์หญิงอภิสมัย ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้หารือเกี่ยวกับกรณีที่พบการติดเชื้อโควิดคลัสเตอร์เชื่อมโยงจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 9 ราย โดยเคสแรกเป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 28 ปี ตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 22 มี.ค.64 ซึ่งกรมควบคุมโรคได้ทำการสอบสวนพบผู้ป่วยสัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 5 ราย ซึ่ง 1 ใน 5 ราย ตรวจพบเชื้อ และผู้ป่วยรายที่สอง เป็นผู้ป่วยหญิงไทย อายุ 25 ปี และมีการสัมผัสบุคคลรอบตัว เป็นสัมผัสเสี่ยงสูง 6 คนโดยรายแรกมีการแพร่เชื้อสู่สามีและเพื่อนร่วมงาน และผู้ป่วยรายที่สองแพร่เชื้อไปยังน้องสาว ลูกชาย และพี่เลี้ยงติดเชื้อโควิด-19
ทั้งนี้ ศบค.ชุดเล็ก มีการทบทวนแผนการกระจายวัคซีน โดยจะทำการฉีดให้กับบุคลากรที่ทำงานในศูนย์กักตัว (ASQ) ของ กทม. ซึ่งเป็นบุคลากรที่มีความเสี่ยงสูง
สำหรับ วัคซีน 8 แสนโดส ที่เริ่มฉีดโดยมีการกระจายกลุ่มเป้าหมายใน 22 จังหวัด ที่เป็นพื้นที่เสี่ยง และจังหวัดเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และแนวชายแดน ในวันนี้ (31 มี.ค.) จะมีการกระจายวัคซีนเพิ่ม 1.6 แสนโดส เพิ่ม 52 จังหวัด โดยเน้นย้ำเรื่องของจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news