Home
|
ทั่วไป

ไทยเข้าสู่ สภาวะ “ลานีญา”

Featured Image

 

 

“กรมอุตุนิยมวิทยา” ได้ออกมาประกาศว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือน ก.ค. ถึง ก.ย. 2567 และจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วง ธ.ค. 2567 ถึง ก.พ. 2568 ส่งผลให้ครึ่งปีหลังของประเทศไทย มีแนวโน้มฝนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และอุณหภูมิยังคงสูงกว่าค่าปกติ แต่มีแนวโน้มที่ฤดูหนาวปีนี้อุณหภูมิจะลดลงกว่าปีที่แล้ว

 

กรรวี สิทธิชีวภาค อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ประเทศไทยเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะ “ลานีญา” ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2567 และจะต่อเนื่องไปจนถึงช่วงพฤศจิกายน 2567- มกราคม 2568 โดยในเดือนกรกฎาคม,สิงหาคม และตุลาคม ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนมากกว่าปกติ ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากกว่าค่าปกติเล็ก ยกเว้นช่วงเดือนสิงหาคม

 

ลานีญาคืออะไร

“ลานีญา” (La Nina)เป็นปรากฏการณ์คนละขั้วกับ “เอลนีโญ” โดยอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณเส้นศูนย์สูตรในมหาสมุทรแปซิฟิกกลาง และตะวันออกเย็นลงผิดปกติ ซึ่งเกิดจากลมสินค้า (Trade Wind) มีกำลังแรงกว่าปกติ ทำให้น้ำทะเลที่อุ่นถูกพัดไปทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น น้ำทะเลอุ่นจึงถูกพัดไปทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น ส่งผลให้ด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเกิดเมฆฝนรุนแรง และด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกมีความแห้งแล้งกว่าปกติ

ผลกระทบของ ลานีญา

ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญา ทำให้กระแสลมและกระแสน้ำอุ่นเกิดความแปรปรวน ซึ่งการเกิดเอลนีโญจะส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียตอนเหนือ และฝนตกหนักทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ ส่วนลานีญาจะส่งผลกระทบให้เกิดความแห้งแล้งทางตอนเหนือของทวีปอเมริกาใต้ และเกิดฝนตกหนักในเอเชียตะวันออกเชียงใต้ส่วนผลกระทบต่อสภาพอากาศไทย

 

โดยทุกภาคของประเทศไทยมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติทุกฤดู และพบว่าลานีญาที่มีขนาดปานกลางถึงรุนแรงส่งผลให้ปริมาณฝนของประเทศไทยสูงกว่าปกติมากขึ้น ขณะที่อุณหภูมิต่ำกว่าปกติมากขึ้น

 

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม ได้เผยข้อมูลลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ภาวะ “ลานีญา” ที่กำลังจะมาโลกร้อนทำให้เกิด rain bomb (ฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา) ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน

 

rain bomb เป็นคำใหม่ ไม่ถูกใช้เป็นทางการ แต่ความหมายทั่วไปคือฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตา ปริมาณน้ำฝนในช่วงเวลาสั้นๆ ทะลุขีดจำกัด ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันเนื่องจากเป็นศัพท์ใหม่ จึงไม่มีการฟันธงว่านี่คือปรากฏการณ์ “ระเบิดฝน” หรือไม่ แต่ว่าง่ายๆ คือเหมือนฟ้ารั่ว 

 

เนื่องจากน้ำจากฟ้าถล่มลงมาอย่างรุนแรงในช่วงแสนสั้น การรับมือแบบดั้งเดิมจึงมีปัญหา ผลกระทบจึงมาสู่ชีวิตและทรัพย์สินตลอดจนการทำมาหากินของพวกเรา ซึ่งตัวอย่างมีให้เห็นทั่วไป เฉพาะช่วงนี้ก็มีทั้งน้ำท่วมภูเก็ต ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ ภาพรถที่ลอยไปตามน้ำไหลหลากดูน่ากลัว จนบางคนเปรียบเทียบว่า เหมือนสึนามิจากฟ้า rain bomb อาจแฝงมาพร้อมพายุฝนฟ้าคะนอง จะเกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆ 

 

ผศ.ดร.ธรณ์ เผยอีกว่า ในยุคโลกเดือด เพราะมหาสมุทรร้อน น้ำระเหยมากขึ้น อากาศร้อนเพิ่มขึ้น เมฆมีน้ำอยู่มากมายพร้อมทะลักทลายจากบนฟ้าในช่วงสั้นๆ หากตกลงบนเขาหรือในป่า อาจเกิดน้ำไหลหลากฉับพลันลงมาในเมือง ตามถนนหนทางที่กลายเป็นทางน้ำ รวมถึงโคลนถล่มตามมาในพื้นที่ไม่เคยเกิด เช่น หายนะที่ลิเบียหากตกลงในเมืองที่ราบแบบกรุงเทพฯ น้ำท่วมเร็วมาก น้ำเข้าบ้านโดยเฉพาะพื้นที่เป็นแอ่ง น้ำท่วมรถติดบนถนน ทำทรัพย์สินเสียหาย 

 

นอกจากนี้ คำว่าบอมบ์ หมายถึง เกิดฉับพลันแล้วหายไป น้ำท่วมแบบนี้จึงไม่นาน แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วการคาดการณ์ล่วงหน้าทำแทบไม่ได้ในระยะยาว ปกติก็เป็นการทำนายทั่วไปในพื้นที่กว้าง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเรนบอมบ์กำลังมา ให้เอารถขึ้นที่สูง ป้องกันน้ำเข้าบ้านทุกวิถีทาง เน้นย้ำว่าเป็นคำทั่วไป ไม่ใช่ศัพท์ทางวิชาการ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการทำนายแบบเป็นทางการว่าจะเกิดเรนบอมบ์ ต่างจากทำนายสึนามิหรืออื่นๆ เราจึงต้องระวังรักษาตัวเองและทรัพย์สินให้มากที่สุด เช่น ศึกษารอบบ้านให้ดี ดูเส้นทางน้ำหลาก ดูพื้นที่ลุ่ม ดูปัจจัยเสี่ยง โลกยุคนี้อยู่ไม่ง่ายแน่นอน และจะยากขึ้นเรื่อยๆ จะไปหวังพึ่งใครก็ไม่ได้มาก เราต้องช่วยตัวเองให้ถึงที่สุดรวมถึงเลิกคิดแบบเดิมๆ ว่าจะมีการเยียวยาชดใช้ เราคงไม่ได้อะไรมากหรอก โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สภาพอากาศสุดขีดแบบนี้จึงเป็นความเสี่ยงอันดับ 1 ของโลกในยุค 10 ปีต่อจากนี้ไป ตามที่ world economic forum ระบุไว้ว่า ลานีญากำลังมา rain bomb อาจแฝงมากับสภาพฝนตกฟ้าคะนอง 

ข้อมูล กรมอุตุนิยมวิทยา, Thon Thamrongnawasawat

 

 

 

ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th

Twitter : https://twitter.com/innnews

Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN

TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news

LINE Official Account : @innnews

  • Tiktok
  • Youtube
  • Youtube