สธ. ชง 5 จว.สีแดงโควิดระบาดผับบาร์ปิด 3 ทุ่ม งดขายเหล้า ยังไม่ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงผลการประชุมคณะกรรมการด้านวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ หลังช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยคน แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส และกลุ่มผู้ติดเชื้อจากสถานบันเทิงในกรุงเทพฯและปริมณฑล ประกอบกับใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยที่ประชุมฯมีมติวางมาตรการเพิ่มเติมโดยมอบหมายกรมควบคุมโรคปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่ ตั้งแต่พื้นที่ควบคุมสูงสุด ไปจนถึงพื้นที่เฝ้าระวัง ให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน, ให้ อสม.ในจังหวัดปลายทางติดตามผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มสถานบันเทิงจากกรุงเทพฯ, มอบหมายกรมควบคุมโรค ดำเนินการแผนเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยง เน้นสถานบันเทิง ผับ บาร์ เบื้องต้นในกรุงเทพฯ มีสถานบันเทิงอยู่กว่า 1,000 แห่ง, ให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้ อสม.เคาะประตูบ้าน,ให้โรคพยาบาลทุกแห่งซักประวัติคนไข้ที่มีความเสี่ยง, สั่งการให้สถาบันบำราศนราดูรและสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง เปิดให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด และให้ทุกจังหวัดพิจารณานำวัคซีนเพื่อการควบคุมโรคตามคำแนะนำของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการกรุงเทพมหานคร
ขณะเดียวกัน ยังมีมติการประชุมศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ในกรณีโรคโควิด-19 โดยมี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานการประชุม โดยมีมติให้ปรับสีพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดที่มีสถานการณ์ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่มาจากสถานบันเทิงให้ปรับเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือสีแดง 5 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และนครปฐม ซึ่งที่ประชุมจะนำเรื่องเสนอแก่ ศบค.ชุดเล็กมีคำสั่งบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือสีแดง จะต้องปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. คือ ร้านอาหารเปิดไม่เกิน 21.00 น. ทานในร้านได้ งดดื่มสูรา,สถานบันเทิง เปิดไม่เกิน 21.00 น. ทานอาหารในร้านได้ งดดื่มสุรา, ศูนย์การค้า เปิดได้ตามปกติ จำกัดจำนวนคน ห้ามกิจกรรมส่งเสริมการขาย,สถานศึกษา เปิดตามปกติรวมถึงผสมผสาน และสถานออกกำลังกาย เปิดบริการได้ตามปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม และยังไม่มีการห้ามเดินทางข้ามจังหวัดแต่อย่างใด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
